รายการบล็อกของฉัน

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

20 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดชลบุรี

     ชลบุรี  เมืองแห่งการท่องเที่ยวระดับโลกที่หลากหลายเกินใจคิด เดินทางไปเยี่ยมเยือนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัด วัง ดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติ ผืนไพร และสัตว์ป่า ใครชื่นชอบกิจกรรมสนุกๆที่นี่ก็มีพร้อม หรือจะปล่อยใจไปกับโชว์สุดอลังการระดับโลก และเดินช็อปปิ้งสุดสนุก มีเพียงชลบุรีเท่านั้นที่จะพาคุณไปพบประสบการณ์ทั้งหมดนั้นได้


1.  วัดใหญ่อินทาราม

วัดใหญ่อินทาราม  เดิมชื่อ “วัดหลวง” เป็นวัดสำคัญเก่าแก่คู่เมืองชลบุรี  สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย  ในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครูที่งดงามมาก  สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์  ทรงตรัสชมว่า  “ฝีมืองามมาก  อย่าให้ซ่อมแซมเป็นอันขาด”  โดยเฉพะภาพจิตรกรรมฝาผนังเหนือขอบหน้าต่างเป็นภาพเทพชุมนุม  ส่วนที่ผนังสองด้านเขียนเรื่องทศชาติชาดก  พระเวสสันดรชาดก  และยังมีพลับพลาตรีมุข  สร้างด้วยไม้ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสำริดทรงเครื่องกษัตริย์  เรียกกันว่า “หลวงพ่อ เฉย”  ถ้าเป็นไปได้  ควรไปเที่ยวชมวัดนี้ในวันพระ  เพราะถ้าเป็นวันธรรมดา  ต้องติดต่อขอกุญแจโบสถ์จากเจ้าอาวาส  นอกจากนี้ยังมีพระนักวิชาการพานำชมและอธิบายให้ความรู้ด้วย

ที่ตั้ง : อยู่กลางเมืองชลบุรี  จากถนนสุขุมวิท  เลี้ยวเข้าตัวเมืองชลฯ  ที่สี่แยกเฉลิมไทย  เข้าสู่ถนนโพธิ์ทอง  แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจตน์จำนงค์  วัดอยู่ทางด้านซ้ายมือ  ก่อนถึงสี่แยกตัดกับถนนอัครนิวาส (สี่แยกท่าเกวียน)  หน้าวัดมีลานจอดรถกว้างขวาง
การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว  สามารถขึ้นรถสองแถวสายรอบเมืองชลบุรีได้
เวลาทำการ : เที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลาประมาณ  08.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : โทร. 0-3827-5844


2.  หาดบางแสน

หาดบางแสน  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยมาช้านาน  มีถนนตัดเลียบหาดเคียงคู่ไปกับทิวมะพร้าว   ถัดเข้าไปมีร้านอาหาร  ร้านขายของที่ระลึก  และที่พักเรียงรายอยู่จำนวนมาก  นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์ทะเลกันบนเก้าอี้ผ้าใบบนชายหาด  พร้อมมีบริการห่วงยางให้เช่าว่ายน้ำ  มีเรือบานาน่าโบ๊ต  จักรยานให้เช่า  และห้องอาบน้ำจืด  ทุกวันหยุดหาดบางแสนจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว  เนื่องจากเป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด  จึงสามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับได้

บางแสนเริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486  จนถูกขนานนามว่า “บางแสนดินแดนสุขี”  มีผู้เดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก  จนครั้งหนึ่งบางแสนเคยทรุดโทรม  ผิดกับปัจจุบันที่ได้รับการดูแลจัดระเบียบอย่างดี  จึงกลายเป็นชายหาดที่สะอาด  น่าเที่ยวในทุกฤดูกาล  โดยหาดบางแสนนี้มีความยาวต่อเนื่องกันถึง 4.5 กิโลเมตร  แบ่งออกเป็น 3 ส่วน  คือ  หาดบางแสน  เป็นช่วงกลางของหาดและเป็นจุดที่นิยมลงเล่นน้ำกัน  ถัดมาคือ  แหลมแท่น  เป็นช่วงเหนือสุดของหาด  มีโขดหินสวยงาม  ลงเล่นน้ำไม่ได้  และส่วนสุดท้ายคือ  หาดวอนนภา  เป็นชายหาดตอนใต้สุด  บรรยากาศเงียบสงบ  มีหมู่บ้านประมงพื้นถิ่นเล็กๆ กระจายอยู่ห่างๆ กัน

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 14 กิโลเมตร  ที่ตำบลแสนสุข  แยกขวาจากถนนสุขุมวิท   ตรงหลัก กม. 104 เข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว  สามารถขึ้นรถสองแถวได้ที่ตลาดหนองมนเข้าสู่หาดบางแสน  มีรถวิ่งตลอดวัน
เวลาทำการ :  เที่ยวชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


3.  เขาสามมุข

เขาสามมุข  เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงควบคู่กับหาดบางแสน  เป็นทั้งที่ตั้งของศาลเจ้าแม่สามมุขอันศักดิ์สิทธิ์  และเป็นจุดชมวิบนยอดเขาสูงที่มีฝูงลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเล่นน้ำที่หาดบางแสน  ก่อนกลับบ้าน  มักจะแวะเที่ยวที่นี่เช่นกัน  อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่มีร้านอาหารทะเลอร่อยๆอยู่หลายร้าน

ศาลเจ้าแม่สามมุข  เป็นศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ภายใต้หลืบผาหิน  บริเวณเชิงเขาสามมุขด้านทิศเหนือหันหน้าออกสู่ทะเล  โดยย้ายมาจากบริเวณด้านตะวันตกของเขาสามมุข  ศาลแห่งนี้มักมีผู้คนแวะมากราบไหว้ขอพร  และบนบานกันอยู่เสมอ  โดยผู้ที่ได้รับผลสำเร็จตามคำขอจะแก้บนโดยการจุดประทัด  และซื้อสร้อยมุขมาถวายแด่รูปปั้นเจ้าแม่  นับเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวจีน  ฮ่องกง  และไต้หวัน  นิยมปฏิบัติกันมาก  ชั้นบนของศาลเจ้าแม่ฯ เป็นวิหารพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ให้สักการะ  บริเวณหน้าวิหารมีระเบียงชมวิวทะเลด้วย

จุดเด่นอีกอย่าง คือ  ฝูงลิงป่า  ที่อาศัยอยู่บนเขาหินลูกนี้มาแต่เดิม  พวกมันมักจะออกมาอวดโฉมเพื่อขออาหารกันอยู่ตลอดวัน  ลิงป่าที่นี่มีจำนวนนับพันตัว  และบางตัวค่อนข้างดุ  จึงต้องระวังด้านความปลอดภัยด้วย

ที่ตั้ง : อยู่บริเวณแหลมสามมุข  จากอ่างศิลาไปตามทางหลวงหมายเลข 3134 อีกราว 3 กิโลเมตร  พบป้ายบอกทางไปเขาสามมุข  เลี้ยวขวาไปตามป้ายอีก 1 กิโลเมตร  จนถึงศาลเจ้าแม่สามมุข  หรือถ้ามาจากหาดบางแสน  ใช้ถนนเส้นเลียบหาดมุ่งตรงสู่แหลมแท่น  จะมีป้ายบอกทางไปตลอด  ห่างจากหาดบางแสนราวๆ 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : เขาสามมุขไม่มีรถสองแถวผ่าน  จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก  หรือไม่ต้องเช่ารถสองแถวจากตลาดหนองมนให้ไปส่ง  แล้วรอรับกลับก็ได้
เวลาทำการ : เขาสามมุขเป็นพื้นที่สาธารณะ  จึงผ่านไปชมได้ตลอดเวลา  แต่กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว  นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนและกราบไหว้ศาลเจ้าแม่สามมุขในเวลากลางวัน จนถึงเวลาประมาณ 18.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


4.  สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว  เป็นป่าแห่งเดียวของชลบุรี  ดำเนินงานโดยองค์การสวนสัตว์   
นักท่องเที่ยวจะได้ชมสัตว์มากถึง 300 ชนิด  ทั้งสัตว์ของไทยและจากต่างประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นช้าง  กระทิง  วัวแดง  ฮิปโปโปเตมัส  ชะนี  ค่าง  ลิงลม (นางอาย)  ม้าลาย  ยีราฟ  นกกระจอกเทศ  ไฮยีน่า  เสือ  สิงโต  กวางดาว  ละมั่ง  แพะภูเขา  เลียงผา  หมี  นกยูง  นกกระเรียน  นกเงือก  ฯลฯ  ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติเหมาะแก่อุปนิสัยของสัตว์นั้นๆ  และสามารถให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด  แต่ก็ยังมีบางส่วนอยู่ในกรงเพื่อกันการหลบหนี  และเพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเอง

สวนสัตว์เปิดเขาเขียวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517  โดยฟื้นฟูสภาพป่าเขาเขียวที่เสื่อมโทรมขึ้นมาใหม่  จากนั้นได้นำสัตว์บางส่วนจากสวนสัตว์ดุสิตมาปล่อยเลี้ยงไว้ตามสภาพธรรมชาติ  แล้วเริ่มเปิดให้คนเข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2521  ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่  นับเป็นสวนสัตว์เปิดที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก  แบ่งออกเป็นส่วนวิจัยและศึกษาพันธุ์สัตว์ป่าหายาก   สวนสัตว์เปิด  และส่วนบริการ

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ  “สวนนก”  ซึ่งสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยตาข่าย  กินพื้นที่ถึง 5 ไร่   ภายในมีเส้นทางเดินขึ้นไปเนินเขา  แล้ววนกลับลงมา  ที่นี่มีนกหลายชนิดส่งเสียงร้องและบินไปมาอยู่ทั่วสวน  อาทิ  นกฟลามิงโก้  นกเขียวคราม  นกกางเขนดง  นกแต้วแล้ว  นกขมิ้น  ไก่ฟ้า  เป็ดก่า  และอื่นๆ  นอกจากนี้ทุกวันยังมีการจัดกิจกรรมชมสัตว์ในเวลากลางคืน  (Night Safari)  แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย

ที่ตั้ง : บริเวณเชิงเขาเขียว  ห่างจากตัวเมืองศรีราชาเข้าไป 25 กิโลเมตร
การเดินทาง :
-รถยนต์ส่วนตัว  จากถนนสุขุมวิทบริเวณตลาดบางพระ  เดินทางไปตามป้ายบอกทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว  ที่มีอยู่อย่างชัดเจนเป็นระยะๆ  ถนนจะลัดเลาะไปตามขอบอ่างเก็บน้ำบางพระ  ผ่านสนามกอล์ฟบางพระ  ขึ้นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-พัทยา)  จากนั้นตรงต่อไปอีก 7 กิโลเมตร  จนถึงปากทางเข้าสวนสัตว์ฯ  สามารถขับรถวนภายในสวนสัตว์  และจอดแวะชมตามจุดต่างๆได้โดยสะดวก
-รถสองแถว  คิวอยู่ในถนนไปอ่างเก็บน้ำบางพระ  ตรงข้ามศาลเจ้า  จะรอให้คนเต็มหรือจะเหมาไปก็ได้
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น.  ส่วนบริการ Night Safari มี 2 รอบ  คือเวลา 19.00 น. และ 20.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท  ชาวต่างชาติ  300 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-8270, 0-3829-8195 
โทรสาร. 0-3829-8272  
เว็บไซต์  http://www.kkpenzoo.com/, http://www.zoothailand.com/


5.  พัทยา

พัทยา  เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ  และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก  โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ  จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเริ่มจากทหารอเมริกันได้แวะขึ้นฝั่ง  แล้วเช่าบ้านพักตากอากาศที่พัทยาเป็นประจำทุกสัปดาห์  ต่อมาพัทยาจึงได้พัฒนาขึ้นจากหมู่บ้านชายทะเลอันเงียบสงบ  กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศระดับนานาชาติดังที่ปรากฏในปัจจุบัน

หาดพัทยา  เป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่องประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ  โดยแบ่งเป็นพัทยาเหนือ  พัทยากลาง  และพัทยาใต้  โดยที่หาดพัทยาใต้นั้นถือเป็นศูนย์รวมความเจริญและแสงสี  ยามค่ำคืนมีการปิดถนนเป็น Walking Street ให้นักท่องเที่ยวเดินช็อปปิ้งได้โดยสะดวก  ส่วนบริเวณชายหาดก็ร่มรื่น  แถวๆหาดพัทยาเหนือเป็นบริเวณที่สงบกว่าส่วนอื่น  นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวนิยมไปเล่นน้ำพักผ่อน  หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ  ส่วนชายหาดพัทยากลางไปถึงพัทยาใต้จะคึกคักคับคั่งกว่า  เพราะเป็นย่านธุกิจ  ร้านค้า  โรงแรม  ห้างสรรพสินค้า  ร้านขายของที่ระลึก  และแหล่งบันเทิงครบวงจร

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชลบุรีประมาณ 50 กิโลเมตร  และห่างจากกรุงเทพฯ 140 กิโลเมตร  ช่วงระหว่างอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ
การเดินทาง :
-รถยนต์ส่วนตัว  จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขุมวิทเข้าสู่เมืองพัทยา  มี 3 เส้นทางหลัก  ได้แก่  สุขุมวิท-พัทยาเหนือ (หลัก กม. 144) สุขุมวิท-พัทยากลาง (หลัก กม. 145-156) และสุขุมวิท-พัทยาใต้ (หลัก กม. 147)  ทั้งสามสายจะไปพบกันที่ถนนเลียบหาดพัทยา  โดยถนนที่ใช้ท่องเที่ยวย่านเมืองพัทยา  คือ  ถนนนาเกลือ  ผ่านหาดวงอำมาตย์  ปราสาทสัจธรรม  ถนนเลียบชายหาด  เป็นวันเวย์ผ่านพัทยาเหนือ  พัทยากลาง  และพัทยาใต้  ถนนพัทยาสาย 2  จะผ่านแหล่งบันเทิง  ที่กิน  ที่พักมากมาย  ถนนเขาพระบาท  เป็นทางไปเที่ยวชมวิวบนเขาพระบาทและต่อไปยังหาดจอมเทียนได้  หรือจากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (Motorway) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา  เริ่มต้นจากด่านพระราม 9 ไปออกที่อำเภอบางละมุง  แล้วตรงสู่พัทยา  ระยะทาง 124 กิโลเมตร
-รถโดยสารประจำทาง  จากกรุงเทพฯ ขึ้นได้ที่สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย)  และสถานีขนส่งหมอชิตใหม่  มีรถออกตลอดวัน 
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2391-2504, 0-231-9829 
หรือติดต่อบริษัทรุ่งเรืองโค้ช  จำกัด โทร. 0-2271-2962
-รถไฟ  มีสายกรุงเทพฯ-พัทยา-พลูตาหลวง  ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง วันละ 1 เที่ยว เวลา 06.55 น. ถึงสถานีพัทยาเวลา 10.45 น. (รวมเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 40 นาที)  สถานีรถไฟพัทยาอยู่นอกเมืองพัทยาเยื้องกับทางเข้าถนนพัทยานอก 
โทร. 1690, 0-2223-7010, 0-2223-7020
ติดต่อ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  ภาคกลาง  เขต 3
โทร. 0-3842-7667, 0-3842-8750 
เว็บไซต์  http://www.tat.or.th/, http://www.pattaya.com/, http://www.welcometopattaya.com/


6.  สวนเสือศรีราชา

สวนเสือศรีราชา (Sriracha Tiger Zoo)  เป็นสถานที่จัดแสดงเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลกว่า 200 ตัว  รวมทั้งยังมีจระเข้อีกกว่า 100,000 ตัว  และสัตว์อื่นๆอีกนานาชนิด  นักท่องเที่ยวจะได้ชมการอยู่ร่วมกันของเสือกับหมูและสุนัข  มีการแสดงจับจระเข้  การแสดงหมูวิ่งแข่ง  ราชินีแมงป่อง  ฯลฯ  สวนเสือศรีราชาจัดตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า 250 ไร่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2540 โดยดำเนินงานอย่างมีมาตรฐานเพื่อพัฒนาพันธุ์สัตว์  อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และนันทนาการ   พร้อมให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ โชว์ละครสัตว์ “Amazing Circus” เป็นการแสดงความสามารถของสัตว์  ประกอบด้วยการแสดงของเสือโคร่ง  หมี  ลิงชิมแพนซี  โจ๊กเกอร์โชว์  ชมความสามารถของเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลที่สามารถลอดบ่วงไฟ  เดินบนสะพานเชือก  ทำตามคำสั่งของครูฝึก  และอีกหลายความสามารถ  โดยโรงละครสัตว์นี้สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 1,500 คน

ที่ตั้ง : เลขที่ 341 หมู่ 3 กม. 20  ทางหลวงสาย 7 (ชลบุรี-พัทยาสายใหม่)  ตำบลหนองขาม  อำเภอศรีราชา 
การเดินทาง : อยู่ห่างจากตลาดศรีราชา (ทางไปโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา)  ไปตามทางหลวงหมายเลข 3241 ประมาณ 10 กิโลเมตร
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก  50 บาท  ชาวต่างชาติ  ผู้ใหญ่ 250 บาท  เด็ก 150 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-6556-8, 0-293-47841, 0-2934-6259 
โทรสาร  0-3829-6559 
เว็บไซต์  http://www.tigerzoo.com/


7.  เกาะสีชัง

เกาะสีชัง เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี  เป็นที่จอดเรือสินค้านานาชาติ  และเป็นเกาะน่าท่องเที่ยวในบรรยากาศท้องถิ่น  ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้  ชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ  และเป็นพื้นที่ตั้งท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง)  รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็ปไปสู่จุดท่องเที่ยวต่างๆ บนเกาะ

จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะสีชัง  ได้แก่

ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ  ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ  ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน  ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย  ภายในมีศาลเจ้าพ่อเฮ่งเจีย  ศาลเจ้าแม่กวนอิม  วิหารพระสังกัจจายน์  ฯลฯ  ช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีผู้คนมาบวงสรวงกันอย่างเนืองแน่น  เชื่อกันว่าถ้าใครได้มาไหว้ครบ 3 ครั้งใน 3 ปี จะร่ำรวย  จากบริเวณศาลสามารถมองเห็นทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้อย่างชัดเจน

รอยพระพุทธบาท  อยู่บนยอดเขาเหนือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่  จำลองขึ้นจากรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช  เมื่อปี พ.ศ. 500  มีความยาวศอกเศษ  ทำจากหินชนวน  สมเด็จฯ  กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนำมาจากวัดพุทธคยา  ประเทศอินเดีย  แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนยอดเขา  นอกจากนี้ยังมีพระบรมสารีริกธาตุให้สักการบูชาอีกด้วย  จุดชมวิวยอดเขาพระพุทธบาทสามารถชมอาทิตย์อัสดงได้งดงามมาก  เพราะจะมองเห็นตัวเกาะสีชังทั้งเกาะ  รวมถึงเกาะขามใหญ่  และทัศนียภาพทะเลโดยรอบ

ช่องเขาขาด และหาดหินกลม  ตั้งอยู่ด้านหลังเกาะ  ชาวบ้านจึงเรียกกันติดป่าว่า  “หลังเกาะ” หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา  ในบริเวณนี้มีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์  ซึ่งมองเห็นพระอาทิตย์อัสดงได้อย่างงดงาม  นอกจากนี้ยังมีหาดหินกลมที่เต็มไปด้วยก้อนหินขนาดต่างๆมากมาย ในอดีตหาดหินกลมเคยเป็นสถานที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5

ศิลาจารึก  ตั้งอยู่ข้างสนามฟุตบอลโรงเรียนเกาะสีชัง  เป็นแผ่นหินขนาดใหญ่จารึกเรื่องการสร้างพระราชฐานบนเกาะสีชัง

เก๋งจีน  ลักษณะเป็นศาลาโบราณ  มีรูปมังกรและนกยูงประดับอยู่ตามยอด  เคยเป็นที่ประทับชั่วคราวของรัชกาลที่ 5 ครั้งพระองค์เสด็จประพาส  ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่  จนกลับคืนความงามดังเดิม

พระจุฑาธุชราชฐาน  อยู่ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ  สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับฤดูร้อน  ภายในบริเวณมีภูมิทัศน์สวยงาม  ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง  ถัดขึ้นไปเป็นตึกวัฒนา  พระตำหนักทรงปั้นหยา  เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง  ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม  ตึกเขียว (เรือนมรกตสุทธิ์)  ตึกอภิรมย์  และวัดอัษฎางค์นิมิตบนยอดเขา  ซึ่งก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก  ส่วนพระราชวังทำด้วยไม้สักได้รื้อไปก่อสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆที่กรุงเทพฯ

หาดเขาถ้ำพัง  อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ  เป็นชายหาดกว้าง  สะอาด  และสวยงาม  เม็ดทรายละเอียด  น้ำใสสะอาดเหมาะแก่การลงเล่นน้ำ

วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร  เป็นพระอารามหลวงซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2435  เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จฯ  เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก  ในวาระที่ประสูติ ณ เกาะสีชัง  วัดนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคยาศิระ  มีโบสถ์  หอระฆัง  พระพุทธบาทจำลอง  และพระประธานปางมารวิชัยที่งดงาม

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลอำเภอศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร
การเดินทาง : เดินทางโดยเรือเมล์จากศรีราชา  ใช้เวลาประมาณ 45 นาที  โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือจรินทร์  ถนนเจิมจอมพลในอำเภอศรีราชา  มีเรือโดยสารไปเกาะสีชังทุกวัน  ระหว่างเวลา 07.00-20.00 น.  ออกทุกๆชั่วโมง  อัตราค่าโดยสาร  คนละ 20 บาท  และจากเกาะสีชังกลับเข้าฝั่งศรีราชา  มีเรือวิ่งตั้งแต่ 06.00-18.00 น. มีเรือออกทุกๆชั่วโมง  สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เรือสีชังพาเลซ  โทร. 0-3821-6276-82  และเรือแสงประทีปบริการ  โทร. 0-3831-3687
เวลาทำการ : สามารถเที่ยวชมได้ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


8.  Underwater World พัทยา

อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  (Underwater World Pattaya)  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งทำให้ผู้มาเยือนเหมือนกับได้เดินทางดำดิ่งลงสู่โลกใต้ทะเล  โดยเริ่มจากชายฝั่งอันเป็นหาดทรายและแก่งหิน  ลงลึกไปยังดงปะการังสีสันสดใส  จนถึงท้องทะเลลึก  นักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมในอุโมงค์ซึ่งสร้างเป็นทางลอดไปในอะควาเรียมขนาดใหญ่  ที่จำลองสภาพแวดล้อมธรรมชาติใต้ทะเลไว้อย่างสวยงามและใกล้ชิด

อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2546  ในเนื้อที่ 12 ไร่  และมีสัตว์น้ำมากกว่า 4,500 ตัว  จาก 200 กว่าชนิด  โดยจัดแสดงสัตว์น้ำไว้ในอาคารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ  มีการสร้างเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวมากกว่า 100 เมตร  นับเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวที่สุดของเอเชีย  มีสัตว์ทะเลหลายชนิดจัดแสดง  ตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างปลาการ์ตูน  ม้าน้ำ  ไปจนถึงสัตว์อย่างฉลาม  กระเบนขนาดใหญ่  และนากเล็กเล็บสั้น  เป็นต้น  นอกจากนี้ยังมีบ่อสัมผัส (Touch Pool)  ให้นักท่องเที่ยวจุ่มมือลงไปสัมผัสสัตว์ทะเลที่มีนิสัยเป็นมิตรบางชนิดได้อย่างปลอดภัย  อาทิ  ปลาดาว  ฉลามกบ  ฯลฯ

ที่ตั้ง : เลขที่ 22/22  หมู่ 11 หลัก กม. 151 ริมถนนสุขุมวิท  ตำบลหนองปรือ 
อำเภอบางละมุง (ช่วงจอมเทียน)
การเดินทาง : อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  ตั้งอยู่ริมถนน  สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก  ทั้งรถยนต์ส่วนตัว  และรถโดยสารประจำทาง
เวลาทำการ : 09.00-18.00 น.  ทุกวัน  (เปิดรับนักท่องเที่ยวชุดสุดท้าย 17.30 น.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 180 บาท  เด็ก  120 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3875-6876-9  โทรสาร  0-3875-6875 
เว็บไซต์  http://www.underwaterworldpattaya.com/


9.  ปราสาทสัจธรรม

ปราสาทสัจธรรม (Sanctuary of Truth)  ตั้งอยู่  ณ บริเวณอ่าววงพระจันทร์  แหลมราชเวช   ตำบลนาเกลือ  ในเนื้อที่  80 ไร่  งดงามด้วย  “สถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก”  ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า  “วังโบราณ”   บ้างก็เรียกตามวัสดุของตัวอาคารว่า “ปราสาทไม้”  แต่เจ้าของความคิดและผู้ดำเนินการก่อสร้าง  คือ  คุณเล็ก วิริยะพันธุ์  (ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ  จังหวัดสมุทรปราการ)  เรียกอาคารแห่งนี้ว่า  “ปราสาทสัจธรรม” 
ปราสาทสัจธรรมเริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ. 2524  จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง  ไม่มีโลหะหรือปูนเข้ามาปะปน ยกเว้นส่วนฐานที่เป็นคอนกรีต  มีการใช้ระบบเข้าเดือยไม้แบบไทย  หรือใส่สลักไม้ตามภูมิปัญญาโบราณ  ตัวปราสาทเป็นทรงจัตุรมุข  สูง 100 เมตร  กว้าง 100 เมตร  แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรพิสดาร   ทั้งภายนอกและภายใน  กล่าวกันว่างามดั่งเทพนฤมิต  สะท้อนแนวคิดนามธรรมออกมาตีแผ่เป็นรูปธรรมให้สัมผัสได้    สื่อถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาตะวันออก

ที่ตั้ง : เลขที่ 206/2  หมู่ 5 แหลมราชเวช  อ่าววงพระจันทร์  ตำบลนาเกลือ  อำเภอบางละมุง  ห่างจากพัทยาใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : ทางเข้าอยู่บริเวณซอยนาเกลือ 12 ตรงเข้าไปจนเกือบสุดซอย  มีซุ้มประตูขนาดใหญ่ของปราสาทสัจธรรมอยู่ทางขวามือ 
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม :  ผู้ใหญ่  500 บาท  เด็ก  250 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3836-7815, 0-3836-7229, 0-3822-5407
เว็บไซต์   http://www.sanctuaryoftruth.com/


10. สวนนงนุช

สวนนงนุช  (Nong Nooch Tropical Botanical Garden) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่  ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด  เช่น  สวนกล้วยไม้  เฟิน  สับปะรดสี  สวนไม้พุ่มไม้ดัด  สวนปาล์มจากทั่วทุกมุมโลก  สวนตะบองเพชรและไม้อวบน้ำ   สวนบอนไซ  สวนเฟื่องฟ้า  สวนโมก  สวนน้ำพุ   สวนหิน  สวนฝรั่ง  สวนผีเสื้อ  สวนรถไฟจำลอง  สโตนเฮนจ์  ฯลฯ  พร้อมที่พักเป็นเรือนไม้สักทรงไทย  มีห้องประชุมสัมมนา  สวนสัตว์  และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย  ประกอบด้วยการฟ้อนรำพื้นเมือง  ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว   กีฬาพื้นบ้าน  และการแสดงของช้าง

เดิมพื้นที่สวนนงนุชเคยเป็นสวนผลไม้มาก่อน  กระทั่งปี พ.ศ. 2497  คุณพิสิทธิ์และคุณนงนุช  ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้ไว้  แล้วจัดเป็นสวนให้ประชาชนเข้าชม  โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันนี้สวนนงนุชกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คน

ที่ตั้ง : เลขที่ 34/1 หมู่ 7 นาจอมเทียน  อำเภอสัตหีบ 
การเดินทาง : อยู่ห่างจากปากทางเข้าพัทยาใต้ 18 กิโลเมตร  โดยแยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท 
บริเวณ กม. 163 เข้าไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท   ชาวต่างชาติ 200 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3870-9358-61, 0-3823-8158, 0-384-29321 
โทรสาร 0-3823-8160
สำนักงานกรุงเทพฯ  โทร. 0-2252-1768, 0-2251-2161 
โทรสาร  0-2252-9975
เว็บไซต์  http://www.nongnoochtropicalgarden.com/


11. เกาะล้าน

 เกาะล้าน  เป็นเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานหลายสิบปีแล้ว  เนื่องจากอยู่ใกล้กับพัทยา   จึงเดินทางถึงกันได้โดยสะดวก  ตัวเกาะล้านมีความยาว   5 กิโลเมตร  กว้าง 2 กิโลเมตร  มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง  ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ  ดูปะการัง  เล่นกีฬาทางน้ำ  เช่น  เรือลากร่ม (พาราเซลลิ่ง)  เรือสกี  สกู๊ดเตอร์  โดยเฉพาะที่หาดตาแหวน  หาดทองหลาง  หาดนวล  และหาดเทียน  ส่วนหาดแสมบรรยากาศเงียบสงบกว่าหาดอื่น  บริเวณเกาะล้านและเกาะเล็กๆโดยรอบ  อย่างเกาะครก-เกาะสาก  เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง  ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก  รวมทั้งยังเป็นสถานที่ฝึกเรียนดำน้ำ  และแหล่งตกปลาที่สำคัญ

จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะล้าน  ได้แก่
ท่าหน้าบ้าน  เป็นท่าเรือของชุมชนเกาะล้าน  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือเมล์จะไปถึง  เมื่อมองย้อนกลับไปยังฝั่งจะเห็นเมืองพัทยาและหาดจอมเทียนที่มีตึกสูงเรียงรายตลอดแนวชายฝั่ง  นับเป็นจุดชมเมืองพัทยาที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง

หาดแสม  เป็นหาดทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาวประมาณ 800 เมตร  เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังที่ดี 
ในอดีตเคยมีการพบแร่ทองคำและเป็นที่มาของชื่อแหลมทอง  ทางหัวหาดด้านเหนือมีศาลเจ้าแม่แหลมทองที่ชาวเกาะล้านเคารพสักการะ

หาดเทียน  อยู่ด้านเหนือของแหลมทอง  ชายหาดหันหน้าตรงหัวเกาะไผ่  ตัวหาดทรายขาวยาว 500 เมตร  ริมหาดมีต้นไม้ร่มรื่น  และเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สวยงาม

หาดตาแหวน  เป็นหาดที่มีความสวยงาม  ทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาว 800 เมตร  น้ำใส  คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวและเครื่องเล่นทางน้ำ  เป็นจุดหลักของกรุ๊ปทัวร์ที่มาลงเล่นน้ำและกินอาหาร  ไม่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักสงบ  ถ้าสนใจควรหาโอกาสไปเที่ยวหลัง 16.00 น.  เมื่อกรุ๊ปทัวร์เดินทางกลับหมดแล้ว

หาดทองหลาง  อยู่ต่อเนื่องกับหาดตาแหวนทางด้านทิศเหนือ  โดยมีแหลมหินคั่นอยู่  แต่ทางรถยนต์ต้องเข้าคนละเส้นทางกัน  บรรยากาศของหาดนี้มักคึกคักไปด้วยกรุ๊ปทัวร์คล้ายหาดตาแหวน  แต่เบาบางกว่า  ชายหาดมีความยาวประมาณ 500 เมตร

หาดสังวาล  เป็นชายหาดเล็กๆ  ยาวเพียง 150 เมตร  มีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำใส  เหนือชายหาดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่  นับเป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับคนรักสงบอย่างแท้จริง

หาดนวล  อยู่ในส่วนใต้สุดของเกาะล้าน  ตัวหาดยาวประมาณ 350 เมตร  ทรายไม่ขาวสวยเหมือนหาดอื่น  แต่เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ดี  และเป็นบริเวณที่พบแร่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะล้านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลชนิดหนึ่ง  นิยมนำมาทำเครื่องรางพกติดตัว  เพื่อให้แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ

เกาะสาก-เกาะครก  เกาะสากเป็นเกาะเล็กๆ รูปเกือกม้าอยู่ทางเหนือของเกาะล้าน  ห่างกันเพียง 600 เมตร  มีหาดทรายขาวสวยยาวประมาณ 250 เมตร  อยู่ด้านเหนือของเกาะ  สงบเงียบเป็นส่วนตัวมาก  ต้องเหมาเรือจากเกาะล้านไป  หรือเหมาจากพัทยาราคาเท่ากับไปเกาะล้าน  มีบ้านพักเปิดบริการ  แต่ต้องโทร. จองล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์  นอกจากนี้ยังควรเตรียมอาหารสดและเครื่องปรุงไปด้วย  ส่วนเครื่องครัวที่บ้านพักมีให้สำหรับที่เกาะครกนั้นมีหาดทรายเล็กๆ  ไม่เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ  แต่นักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำดูปะการัง  ซึ่งอาจไม่คุ้มกับค่าเหมาเรือไป

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปราว  7.5 กิโลเมตร 
การเดินทาง : นั่งเรือโดยสารประมาณ 45 นาที  แต่ถ้าเป็นเรือเร็วใช้เวลาเพียง 15 นาที  มีเรือโดยสารออกจากท่าพัทยาใต้ไปเกาะล้านทุกวัน  เที่ยวไป  ตั้งแต่เวลา 10.00-18.30 น.  เที่ยวกลับ มี 2 รอบ  เวลา 12.00 น. และ 14.00 น.  อัตราค่าโดยสาร  คนละ 20 บาท  ที่เกาะล้านเรือจอดบริเวณท่าหน้าบ้าน  หากเดินทางต่อไปชายหาดอื่น  สามารถเช่าเรือหางยาวหรือรถรับจ้าง  นอกจากนี้ยังมีบริการเรือเร็วให้เช่าอยู่ทั่วไปตามชายหาดพัทยา  อัตราค่าเช่าประมาณ 1,500-2,000 บาท  สามารถแวะเที่ยวได้หลายหาด  แล้วแต่จะตกลงกัน
เวลาทำการ : ท่องเที่ยวตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


12. เขาชีจรรย์

 เขาชีจรรย์  เป็นเขาหินปูน เดิมมีการระเบิดหินนำไปใช้ในการก่อสร้าง  ต่อมาสมเด็จพระญาณสังวร  ทรงเสียดายลักษณะภูมิทัศน์อันสง่างามของเขาลูกนี้  จึงมีพระดำริที่จะอนุรักษ์ไว้  และได้ดำเนินการสร้างพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะของพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในวโรกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี  ใน พ.ศ.  2539  โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า  “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา”  แปลว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐดุงดังมหาวชิระ”
พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย  เลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร  ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา  มีความสูง 109 เมตร  หน้าตักกว้าง 70 เมตร  ฐานบัวหรือบัลลังก์สูง 21 เมตร  รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น 130 เมตร  โดยเป็นการระเบิดเจาะเนื้อหินให้เป็นลายเส้น  แล้วใช้โมเสกทองประดับเข้าไปตามรอยเส้น  เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาต้องหน้าผา  จึงเกิดประกายสีทองราวกับองค์พระกำลังเปล่งประกาย  ด้านหน้าองค์พระมีลานอเนกประสงค์  สวนร่มรื่น  สระบัว  และสวนหิน  ในเนื้อที่ 15 ไร่

ที่ตั้ง : บ้านเขาชีจรรย์   อำเภอสัตหีบ  ห่างจากวัดญาณสังวราราม  ไปประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : จากวัดญาณสังวราราม  ไปตามทางเดียวกับวิหารเซียน  ผ่านวิหารเซียนไปตามเส้นทางหลัก  และมีป้ายบอกทางไปอีก 3 กิโลเมตร  หรือจากถนนสุขุมวิท  เข้าทางแยกที่เลยแยกวัดญาณสังวรารามไปราว 500 เมตร  เส้นทางจะตรงถึงเขาชีจรรย์  ระยะทางจากถนนสุขุมวิท  6 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 06.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


13. ฐานทัพเรือสัตหีบ

ฐานทัพเรือสัตหีบ  เป็นบ้านของราชนาวีที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอ่าวไทย  ถือกำเนิดขึ้นจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  เมื่อ พ.ศ. 2457  ครั้งประพาสเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออก  ได้ทอดพระเนตรเห็นว่าชายฝั่งบริเวณนี้มีชัยภูมิดีเยี่ยม  สามารถสร้างฐานจอดเรือรบได้   จวบจนปัจจุบันฐานทัพเรือสัตหีบได้พัฒนา  และเปิดพื้นที่บางส่วนให้ประชาชนได้เข้ามาท่องเที่ยว  เช่น

หาดดงตาล  เป็นชายหาดโค้งยาวไปตามขอบอ่าวสัตหีบ  โดยเริ่มตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอสัตหีบเข้าไปในกองเรือยุทธการ  ริมชายหาดเรียงรายไปด้วยต้นตาลขนาดใหญ่  ประชาชนทั่วไปนิยมมานั่งพักผ่อน  ชมอาทิตย์อันดง  และรับประทานอาหาร  นอกจากนี้เวิ้งทะเลด้านหน้าหาดยังเหมาะสำหรับการเล่นเรือใบและวินด์เซิร์ฟ  โดยผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สมุทรกีฬา  โทร. 0-3843-2593

ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  เป็นท่าเรือน้ำลึกซึ่งกองทัพเรือใช้เป็นที่จอดเรือรบสำคัญๆ หลายลำ  ไม่ว่าจะเป็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร  เรือหลวงสิมิลัน  และเรือหลวงพระพุทธยอดฟ้า  นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมและถ่ายภาพได้เฉพาะพื้นที่ที่กำหนด    คือ  บริเวณท่าเรือ     รวมถึงดาดฟ้าของเรือหลวงจักรีนฤเบศร   แต่อย่างไรก็ตาม  บางช่วงเวลาเรือเหล่านี้จะออกปฏิบัติหน้าที่  จึงควรสอบถามไปล่วงหน้าก่อน

หาดนางรำ-หาดนางรอง  อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  โดยแยกจากทางหลวงหมายเลข 3 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3126 ไปประมาณ 5 กิโลเมตร  ถ้าตรงเข้าไปจนสุดก็จะถึงท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายไปอีกเพียงเล็กน้อยก็จะถึงหาดนางรำ-หาดนางรอง  โดยหาดนางรำมีความยาวประมาณ 500 เมตร  เนื้อทรายขาวละเอียดเนียน  ริมหาดมีป่าสนร่มรื่น  พร้อมร้านอาหารและบ้านพัก  หน้าหาดไม่ลึกจึงเหมาะลงเล่นน้ำหรือเล่นเรือใบ  ส่วนหาดนางรองอยู่ติดกัน  เป็นแนวหาดสั้นๆที่เงียบสงบกว่า  ริมหาดมีโขดหิน  ทรายขาว  และน้ำใสดี

เขาแหลมปู่เจ้า  ตั้งอยู่บริเวณใต้สุดของโค้งอ่าวเตยงาม  สามารถขับรถขึ้นไปได้  เพื่อสักการะศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503  ใกล้ๆกันมีกระโจมไฟชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ลักษณะเป็นประภาคารรูปครีบกระโดงปลา  สูง 19.50 เมตร  ใช้ส่องสว่างให้เป็นจุดสังเกตแก่คนเรือในยามค่ำคืน  โดยทหารเรือต่างขนานนามให้ว่า “ดวงประทีปแห่งท้องทะเลไทย”  นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวเขาแหลมปู่เจ้า  ที่สามารถมองเห็นอ่าวสัตหีบ  อ่าวเตยงาม  เกาะพระ  เกาะเตาหม้อ  รวมถึงอ่าวไทยได้อย่างงดงาม

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล  ตั้งอยู่ริมหาดจุกเสม็ด  ในเขตหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นศูนย์เพาะเลี้ยงและอนุบาลลูกเต่าทะเลที่ได้จากเกาะคราม  โดยนำมาอนุบาลไว้ 3-6 เดือน  แล้วจึงปล่อยคืนสู่ทะเล  ศูนย์ฯนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน  คือ  อาคารนิทรรศการ  อะควาเรียม  และบ่ออนุบาลลูกเต่าทะเล  เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ทุกวัน  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

อ่าวเตยงาม  (อ่าวนาวิกโยธิน)  เดิมชื่ออ่าวตากัน  หรืออ่าวทุ่งไก่เตี้ย  เป็นหาดทรายขาวละเอียดเนื้อเนียนตัดกับท้องทะเลสีคราม  ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร  ในอดีตริมหาดเต็มไปด้วยต้นเตยทะเล  ซึ่งยังพอพบเห็นได้ในปัจจุบัน  อ่าวเตยงามนี้ไม่ลาดเอียงมาก  น้ำไม่ลึก จึงเหมาะจะลงเล่นน้ำ  ชาวจีนเชื่อว่าอ่าวเตยงามคือ “สะดือมังกร” เพราะน้ำในอ่าวจะไหลเวียนจากแหลมปู่เจ้าเข้าสู่อ่าว  นับเป็นจุดก่อเกิดพลังธรรมชาติ  นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอนุสรณ์สถาน  ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเรือใบข้าวอ่าวไทยจากอำเภอหัวหิน  มาถึงอ่าวเตยงาม  เมื่อวันที่ 19 เมษายน  พ.ศ. 2509  เป็นระยะทางกว่า 60 ไมล์ทะเล  เพียงลำพังพระองค์เดียว

พิพิธภัณฑ์นาวิกโยธิน  ตั้งอยู่ที่อ่าวเตยงาม  เป็นอาคารชั้นเดียวใช้จัดแสดงประวัติความเป็นมาของราชนาวีไทย  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น.  และ 13.00-16.00 น.  โดยไม่เสียค่าเข้าชม 
ภายในอาคารแบ่งเป็น 6 ห้องจัดแสดง และมีส่วนกลางแจ้งด้วย

หาดทรายแก้ว  ตั้งอยู่ภายในเขตโรงเรียนชุมพลทหารเรือ  เป็นหาดทรายที่สวยที่สุดช่วงหนึ่งของสัตหีบ  เพรามีเนื้อทรายขวาวสะอาดเนื้อเนียนทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร  อีกทั้งน้ำทะเลมีสีครามสดใส  ริมหาดมีบ้านพัก  ร้านอาหาร  นวดแผนไทย  และกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย

ที่ตั้ง : เขตอำเภอสัตหีบ
การเดินทาง : จากอำเภอเมืองชลบุรี  ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ประมาณ 86 กิโลเมตร  จนถึงตัวอำเภอสัตหีบ  จากนั้นวิ่งเข้าถนนเส้นเลียบหาด  จนเข้าสู่เขตทหารเรือ
เวลาทำการ : ถ้าเป็นอาคารจัดแสดงหรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ส่วนใหญ่เปิดเวลา 08.00-16.30 น.  แต่ถ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวพวกหาดทรายชายทะเล  ก็มักเปิดให้ท่องเที่ยวตลอดเวลา  แต่ต้องแลกบัตรผ่านที่ป้อมยามก่อน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่อำเภอสัตหีบ  แผนกกิจการพลเรือน  กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ  โทร. 0-3843-7112 ต่อ 71060, 71061  หรือติดต่อที่กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ  กรุงเทพฯ 
โทร. 0-2375-4720, 0-2475-4481 
เว็บไซต์  http://www.navy.mi.th/


14. วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร

 วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อถวายสมเด็จพระญาณสังวรฯ  สมเด็จพระสังฆราช  และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภก  บริเวณทางเข้าวัดมีศาลานานาชาติ  ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติของประเทศต่างๆ  ตั้งอยู่เรียงรายริมสระน้ำ  ภายในบริเวณวัดมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง  พระเจดีย์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสุมพุทธเจ้า  และพระธาตุของพระอรหันต์สาวก  วิหารพระญาณเรศร์  วิหารพระศรีอริยเมตไตรย  พระพุทธไพรีพินาศ  ฯลฯ  และด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูง  จึงสามารถมองออกไปเห็นทัศนียภาพของเขตวัดจรดเมืองพัทยาได้กว้างไกลสุดสายตา

ที่ตั้ง : อยู่ริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ  อำเภอสัตหีบ  ห่างจากหาดจอมเทียนประมาณ 15 กิโลเมตร
การเดินทาง : จากหาดจอมเทียนหรือพัทยาไปตามถนนสุขุมวิท  มุ่งหน้าอำเภอสัตหีบ  ผ่านชุมชนบ้านอำเภอไปเล็กน้อย  สังเกตหลัก กม. 160 เลยไปอีกราว 500 เมตร  เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทางไปวัดญาณฯ อีก 5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : ประมาณ 06.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : โทร. 0-3823-7506


15. สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  มหาวิทยาลัยบูรพา

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  มหาวิทยาลับูรพา  เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงมานานหลายสิบปีแล้ว  โดยเฉพาะมีตู้กระจกขนาดใหญ่ที่เรียกว่าอะควาเรียม  เลี้ยงปลาทะเลและสิ่งมีชีวิตหลากชนิดหลากสีไว้ให้ชม    สถาบันแห่งนี้มีเนื้อที่ราว 30 ไร่  ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ  พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล   สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มไว้จัดแสดง  และห้องปฏิบัติการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล  (ส่วนนี้ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม)

อะควาเรียมหรือตู้กระจกแสดงสัตว์น้ำของที่นี่อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร  โดยมีเส้นทางเป็นวงรอบไม่ย้อนกลับทางเดิมจัดไว้ให้ชม  ปัจจุบันมีตู้กระจกอยู่มากถึง 43 ตู้  ตั้งแต่ตู้ขนาดเล็กบรรจุน้ำ 500 ลิตร 
ไปถึงขนาดมหึมาบรรจุน้ำ 2 แสนลิตร  โดยจัดแสดงเริ่มตั้งแต่สัตว์ชายฝั่งทะเล  ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง  และเขตทะเลลึก  อาทิ  เต่าทะเล  ฉลาม  ปลาการ์ตูน  ดอกไม้ทะเล  ปลานกแก้ว  ปลาผีเสื้อ  ปลากะรัง  ปลาข้างเหลือง  ม้าน้ำ  ปลาสิงโต  ปลาปักเป้า  ปลาไหลทะเล  กุ้งพยาบาล  ปูชนิดต่างๆ 
ปลาดาว  กระเบน  หอยเม่น  ฯลฯ  นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการมาเป็นครอบครัว  เพื่อร่วมกันเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ

ปัจจุบันด้านหลังสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  กำลังมีการจัดสร้างอาคาร “โครงการโลกใต้ทะเล”  โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด  คาดว่าจะเปิดให้เข้าชมได้ในปลายปี พ.ศ. 2522 นี้  และน่าจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของโลกใต้ทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทยในอนาคต

ที่ตั้ง : เลขที่  169  ถนนลงหาดบางแสน  ตำบลแสนสุข  อำเภอเมืองชลบุรี  ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าของมหาวิทยาลัยบูรพา  ก่อนถึงหาดบางแสน 1 กิโลเมตร  และห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 12 กิโลเมตร
การเดินทาง : ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว  สามารถขึ้นรถประจำทางสายชลบุรี-บางแสน-หนองมน  จากนั้นลงต่อรถสองแถวเข้าหาดบางแสน  แล้วลงที่ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยบูรพา
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา  08.30-16.00 น. ปิดเพียงวันเดียวคือวันจันทร์  ส่วนวันหยุดราชการเปิดถึง 17.00 น.  สาธิตดำน้ำให้อาหารปลามีรอบเวลา 14.30 น.  วันหยุดเพิ่มรอบ 10.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 20 บาท  เด็ก  10 บาท  นักเรียนและนักศึกษาในเครื่องแบบ
5 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3839-1671-3 
เว็บไซต์  http://www.bims.buu.ac.th/


16. สวนผีเสื้อสายทิพย์

 สวนผีเสื้อสายทิพย์  เป็นสวนผีเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย   ภายในมีส่วนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตผีเสื้ออันซับซ้อน  ชนิดของผีเสื้อ  ถ้ำรังนก  มีฟาร์มผีเสื้อท่ามกลางสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกไว้งดงาม โดยมีผีเสื้อหลายพันธุ์ที่เพาะเลี้ยงไว้นับพันตัว โดดเด่นคือ ผีเสื้อเอ็ดเวิร์ด หรือผีเสื้อหนอนกระท้อน  (Atlas Moth) ซึ่งเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  และมีลวดลายบนปีกสวยงามแปลกตามาก    นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ผึ้ง  สวนกล้วยไม้  และร้านขายของที่ระลึกด้วย

สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมของสวนผีเสื่อสายทิพย์  คือ  กรงผีเสื้อขนาดใหญ่  ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินชมดอกไม้และเพลิดเพลินกับลีลาอันพลิ้วไหวของบรรดาผีเสื้อที่โบยบินอยู่รอบตัว  เราจะได้เห็นไข่ของผีเสื้อ  หนอนตัวอ่อน  ดักแด้  และผีเสื้อเกิดใหม่หลากหลายสายพันธุ์  ทั้งผีเสื้อหนอนใบรัก  ผีเสื้อหางตุ้มจุดชมพู  ผีเสื้อสะพายฟ้า  ผีเสื้อร่อนลม  ผีเสื้อเณร  และอื่นๆอีกมากมาย  นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ  ซึ่งผู้เข้าชมสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่  เพื่อซึมซับความมหัศจรรย์ของผีเสื้อ 
 
ที่ตั้ง : อยู่บริเวณ กม. 10 ของทางหลวงหมายเลข 36  ในอำเภอศรีราชา
การเดินทาง : หากมาจากถนนสุขุมวิท แยกซ้ายบริเวณตลาดบางพระ ตามทางที่จะไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียว
เวลาทำการ : 08.30-17.30 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่  30 บาท เด็ก 15 บาท  ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-8330


17. เมืองจำลองสยาม

เมืองจำลองสยาม  (Mini  Siam) เริ่มต้นโครงการด้วยการค้นคว้าข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2529  ปัจจุบันเป็นสถานที่จำลองปูชนียสถานและโบราณสถานที่สำคัญของทั้งไทยและต่างประเทศ  ด้วยอัตราส่วนย่อ  1 ต่อ 25  โดยแบ่งเป็นเมืองจำลองสยาม  และเมืองจำลองยุโรป  ภายในพื้นที่ขนาด 29 ไร่  เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  วัดมหาธาตุสุโขทัย  อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา  อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  สะพานข้ามแม่น้ำแคว  สะพานพระราม 9  ปราสาทหินพิมาย  วัดอรุณราชวราราม  สะพานทาวเวอร์บริดจ์  ดิโอเปร่าเฮาส์  หอไอเฟล  หอเอนปิซ่า  และเทพีเสรีภาพ  เป็นต้น  มาเที่ยวที่นี่เพียงแห่งเดียว  จึงเหมือนกับได้เดินทางทั่วไทยและทั่วโลกภายในวันเดียว

ที่ตั้ง : ริมถนนสุขุมวิท  หลัก กม. 143  อำเภอบางละมุง  ถ้ามาจากเมืองชลบุรีจะอยู่ช่วงก่อนถึงแยกเลี้ยวเข้าพัทยาเหนือ
การเดินทาง : สามารถมาถึงได้โดยสะดวก  ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถประจำทางสายชลบุรี-พัทยา  เนื่องจากตั้งอยู่ริมถนนใหญ่  เมื่อลงรถแล้วก็สามารถเข้าไปซื้อบัตร  แล้วเข้าสู่ส่วนจัดแสดงได้เลย
เวลาทำการ : 07.00-22.00 น.  ทุกวัน  โดยในยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟประดับอย่างสวยงาม
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท  ชาวต่างชาติ  ผู้ใหญ่ 250 บาท  เด็ก 120 บาท 
ติดต่อ : โทร. 0-3872-7333, 0-3872-7666 
โทรสาร  0-3842-1555
เว็บไซต์  http://www.minisiam.com/


18. วิหารเซียน

วิหารเซียน (อเนกกุศลศาลา) เป็นแหล่งรวมงานศิลปะไทย-จีนชั้นสูงที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย  อาคารใหญ่มีรูปทรงเป็นวิหารแบบจีนสูงสามชั้น มีกลุ่มศาลาเก๋งเป็นบริวารโดยรอบ การจัดวางตำแหน่งของสิ่งปลูกสร้างมีทิศทางถูกต้องตามหลักวิชาภูมิลักษณ์หรือฮวงจุ้ย ส่วนการประดับตกแต่งภายในอาคารเป็นไปตามคตินิยมและความเชื่อทางเทววิทยาของชาวจีน  จึงเป็นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างสูง

วิหารเซียนมีชื่อภาษาจีนว่า “ต้า ผู่ อี่”  เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2531 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวาระที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ก่อสร้างวิหารเซียนขึ้นในบริเวณโครงการพัฒนาพื้นที่วัดญาณสังวราราม  อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ใช้พื้นที่ประมาณ 7 ไร่  การดำเนินงานในครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานฤกษ์ในการก่อสร้าง และพระราชทานนามอาคารว่า “อเนกกุศลศาลา”  การก่อสร้างใช้เวลา 4 ปี 6 เดือน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2536  มีสถานที่สำคัญ  เช่น  หอเซียนหรือหอกลางเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อปิดทองของลื้อท่งปิง    พิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะจีนและวัตถุโบราณล้ำค่า   รวมถึงรูปสลักหินแกรนิตขนาดใหญ่จากจีนหลายสิบชิ้น  เป็นต้น

ที่ตั้ง : อยู่ใกล้วัดญาณสังวราราม  ริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ  ห่างจากวัดญาณฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : ใช้เส้นทางเดียวกับที่ไปวัดญาณสังวราราม  มีทางแยกขวาริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ  ช่วงก่อนถึงวัดญาณฯ ประมาณ 500 เมตร  เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทางจะเห็นอาคารทรงจีนโดดเด่นอยู่ริมฝั่งตรงข้าม
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.  ทุกวัน 
ค่าเข้าชม : คนละ 50 บาท


19. เขาพัทยา

เขาพัทยา  หรือเขาทัพยา   หรือเขาทัพพระยา  มีจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเมืองพัทยาได้ทั้งหมด  อยู่ในเขตของสถานีวิทยุโทรทัศน์  สทร. 5  พัทยา  เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึก  มีนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมวิวกันเป็นจำนวนมาก  โดยจุดสำคัญของเขาพัทยามี 2 แห่งด้วยกัน  คือ

ยอดเขาพัทยา  มีลานชมวิวกว้างและม้านั่งโดยรอบ  พร้อมกล้องส่องทางไกลแบบหยอดเหรียญ  จากจุดนี้สามารถเห็นเมืองพัทยาได้อย่างกว้างไกล   ทั้งตึกสูง  บ้านเรือนหนาแน่น  เรือท่องเที่ยวที่จอดลอยลำอยู่ในอ่าวพัทยา  รวมทั้งเห็นเกาะล้าน บรรยากาศชวนเพลิดเพลิน  ลมเย็นสบาย  ในช่วงค่ำจะเห็นแสงไฟของเมืองพัทยาสว่างไสว

อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับลานชมวิว  เป็นประติมากรรมรูปหล่อเหมือนจริง  สีดำสนิท  ในเครื่องแบบทหารเรือเต็มยศพลเรือเอก  มีผู้คนมากราบไหว้ตลอดทั้งวัน

ที่ตั้ง : ยอดเขาพัทยา  พัทยาใต้  ห่างจากย่านเมืองพัทยา 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : ไปตามถนนพัทยาสาย 2  มุ่งหน้าทิศใต้ผ่านแยกไปหาดจอมเทียน  จากนั้นตรงต่อไปขึ้นเขาชันผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติ  จนถึงสามแยกบนเขาที่มีป้อมตำรวจ  เลี้ยวขวาจะพบกับทางขึ้นเขาพัทยาอยู่ด้านขวา  มีถนนไปจนถึงยอดเขา  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุ  สทร. 5  จอดรถไว้ได้ทั้งในและนอกสถานี
เวลาทำการ : เปิดให้ท่องเที่ยวตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


20. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน  เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  จังหวัดชลบุรี 

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ  มีเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ จัดเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ที่สุดผืนสุดท้ายของจังหวัดชลบุรีที่หลงเหลืออยู่  โดยทางสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรีได้จัดสร้างศูนย์ฯ นี้ขึ้น  เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าให้คงอยู่  พร้อมให้ความรู้ประชาชนควบคู่กันไปด้วย  มีการจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ยาว 2,300 เมตร ซึ่งจัดเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย  และมีสวนสุขภาพบริเวณด้านหน้าของศูนย์ฯ  เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มาออกกำลังกาย

นอกจากผู้เข้าชมจะได้พบเห็นดงต้นโกงกางที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น  และช่วยกำบังคลื่นลมทะเลได้เป็นอย่างดีแล้ว  เรือนรากโกงกางเหล่านี้ยังกลายเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ  อีกทั้งช่วยดักให้สารอินทรีย์ในน้ำตกตะกอนได้อีกด้วย  ถ้าสังเกตให้ดีจะพบหอย  ลูกปลา  ปลาตีน  ปูก้ามดาบ  กุ้ง  นกกินเปี้ยว  รวมถึงปูพันธุ์ใหม่ชื่อ “หยกฟ้า”  และมีนกยางบินวนเวียนมาดักซุ่มจับปลากินเป็นอาหารด้วย

ที่ตั้ง : หมู่ 3 ตำบลเสม็ด  อำเภอเมืองชลบุรี  ถนนเลียบป่าชายเลน
การเดินทาง : จากถนนสุขุมวิท  เลี้ยวขวาที่แยกคีรี  จนถึงถนนเลียบป่าชายเลนแล้วเลี้ยวซ้าย  ศูนย์ฯ อยู่ตรงข้ามกับสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรี
เวลาทำการ : 08.30-18.30 น.  ทุกวัน  ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 10 บาท  เด็ก 5 บาท  ถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป  ผู้ใหญ่ราคา 5 บาท  เด็กราคา 3 บาท  ถ้าต้องการวิทยากรนำชมเพื่อให้ความรู้  คิดค่าวิทยากรชั่วโมงละ 100 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3839-8268-9 (ในวันและเวลาราชการ), 08-1713-9683 
โทรสาร  0-3839-8298




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น