รายการบล็อกของฉัน

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

วัฒนธรรมประเพณี

งานบุญกลางบ้าน และเครื่องจักสานพนัสนิคม
จัดขึ้นในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ของสัปดาห์แรกเดือนพฤษภาคม หรือเดือน 6 ของไทย เป็นงานประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านานของชาวอำเภอพนัสนิคม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ของสัปดาห์แรกเดือนพฤษภาคม หรือเดือน 6 ของไทย ชาวบ้านจะนำอาหารมาร่วมกันทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้พระภูมิเจ้าที่เจ้า กรรมนายเวร ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อขับไล่สิ่งเลวร้าย ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารสมบูรณ์ หลังพิธีสงฆ์จะมีการรับประทานอาหารร่วมกัน การละเล่นพื้นบ้าน และสาธิตการทำเครื่องจักสานพนัสนิคม

งานเทศกาลวันไหล
วันที่ 19 เมษายน ของทุกปี คือวันทำบุญขึ้นปีใหม่ของชาวทะเลในช่วงวันสงกรานต์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16–17 เมษายน ของทุกปี บริเวณชายหาดบางแสนและพัทยา มีการทำบุญตักบาตร สรงน้ำ ก่อพระเจดีย์ทราย เล่นสาดน้ำ และกีฬาพื้นบ้าน สำหรับเมืองพัทยา ได้กำหนดจัดงานวันไหลในโดยมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีรดน้ำดำหัว ขบวนแห่วันไหล การสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานของประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศ

งานประเพณีกองข้าว
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน เป็นประเพณีอันเก่าแก่ของชาวเมืองชลบุรี ปัจจุบันมีที่อำเภอศรีราชาที่ยังคงรักษาประเพณีนี้อยู่ โดยจัดให้มีขึ้นเป็นประจำทุกปี ระหว่างวันที่ 19-21 เมษายน เพื่อเป็นการบวงสรวงเทพเทวดาที่ปกป้องคุ้มครองมาตลอดปี กิจกรรมของงานประกอบด้วยการจัดขบวนแห่ที่นำโดยกลุ่มผู้เฒ่าผู้แก่ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่แต่งกายด้วยชุดไทยเข้าร่วมขบวน พิธีบวงสรวง และเซ่นสังเวยผี การสาธิตประเพณีกองข้าว การละเล่นพื้นบ้าน การสาธิต และจำหน่ายขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง

งานเทศกาลพัทยา
จัดขึ้นประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปี จัดขึ้นประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปี เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่ชื่อเสียงของเมืองพัทยา มีการจัดขบวนแห่ที่ประดับด้วยดอกไม้สวยงาม การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านไทย แข่งขันกีฬาทางน้ำ การประกวดนางงามพัทยา ประกวดก่อปราสาททราย จุดพลุและดอกไม้ไฟที่ริมทะเล และการจำหน่ายสินค้าที่ระลึก

งานประเพณีก่อพระทรายวันไหล บางแสน
เป็นงานประเพณีที่ชาวตำบลแสนสุขได้ ถือปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยโบราณ เดิมเรียกว่า “งานทำบุญวันไหล” คือ การที่ประชาชนในหมู่บ้านต่าง ๆได้มาทำบุญร่วมกันเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ของไทย โดยการนิมนต์พระทุกวัดที่อยู่ในเขตตำบลแสนสุขมาประกอบพิธีสงฆ์ มีการทำบุญ ตักบาตร สรงน้ำ หลังจากนั้นก็เป็นกิจกรรมก่อพระเจดีย์ทราย เล่นสาดน้ำ การละเล่น และกีฬาพื้นบ้าน เป็นต้น

งานประจำปีจังหวัดชลบุรี
ประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปีเป็น งานประจำปีที่ชาวจังหวัดชลบุรีได้ร่วมกันจัดติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 โดยรวมงานนมัสการพระพุทธสิหิงค์ งานสงกรานต์ และงานกาชาดไว้ด้วยกัน โดยถือเอาประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปีเป็นวันจัดงานกิจกรรมของงานประกอบไปด้วย ขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ พิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงโขนของกรมศิลปากร และการแสดงทางวัฒนธรรม นิทรรศการ และการออกร้าน ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริม และรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ตลอดจนปลูกฝังคุณค่าด้านศิลปวัฒนธรรมไว้สืบไป

สถานที่ท่องเที่ยว

บ้านสุขาวดี อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
คฤหาสน์อันกว้างขวาง สวยงาม ของ ด.ร.ปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของสหฟาร์ม เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ที่บริเวณเขาหมาจอ ในพื้นที่ของกองทัพเรือ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ

แหลมแท่น อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
อยู่บริเวณหาดบางแสนเลยมาทางเขาสามมุข มีลักษณะเป็นแหลมยื่นออกไปไม่มากนัก

ปราสามเวทมนต์ ทักซิโด้ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ที่ 78/16-17 ถนนพัทยา สาย 2 ตำบลหนองปรือ เป็นการแสดงในโรงละครมายากลในรูปแบบภัตตาคารเล่นระดับกับบรรยากาศแห่ง ปราสาทมนต์ขลัง

ถ้ำมังกรขาวหรือตำหนักหลวงปู่มังกรขาว อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
เป็นศาลเจ้า (ไป่หลงกง) ที่ชาวจีนนิยมสักการะ

เพอคูล่าฟาร์ม อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
ฟาร์ม เอกชนรายแรกที่ดำเนินธุรกิจเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน ผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้พฤติกรรม และอุปนิสัยของปลาอย่างใกล้ชิด พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการคอยให้ความรู้และตอบข้อซักถาม

เกาะขามใหญ่ อำเภอเกาะสีชัง จ.ชลบุรี
อยู่ด้านหน้าเกาะสีชัง ห่างจากเกาะสีชังทางเรือประมาณ 5 นาที

วัดเขาพระพุทธบาทบางทราย อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทด้านซ้ายมือก่อนจะถึงตัวเมืองชลบุรี

เกาะสีชัง อำเภอเกาะสีชัง จ.ชลบุรี
เป็น เกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ ที่ตั้งพระราชฐาน และเหมาะที่จะท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้

ถ้ำเขาชะอางค์ทรงเครื่อง อำเภอบ่อทอง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ห่างจากตัวอำเภอบ่อทองไปทางทิศตะวันออก ไปประมาณ 19 กิโลเมตร เป็นถ้ำใหญ่จุคนได้นับพันคน มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และมีค้างคาวอาศัยอยู่จำนวนมาก

ถ้ำเขาชะอางค์ห้ายอด อำเภอบ่อทอง จ.ชลบุรี
อยู่เลยเขาชะอางค์ทรงเครื่องไปอีก 7 กิโลเมตร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีหินงอกย้อยจำนวนมาก ภายในแบ่งเป็นถ้ำเล็กถ้ำน้อยมากมาย

บางเสร่ อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เป็นชุมชนหมู่บ้านประมง อยู่ห่างจากพัทยาประมาณ 16 กิโลเมตร แยกขวาจากถนนสุขุมวิทบริเวณ กม. 164 เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร

ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
สวนองุ่นริมอ่างเก็บน้ำ อยู่ติดกับเขาชีจรรย์ มีพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ นักท่องเที่ยวนิยมแวะซื้อผลิตพันธุ์จากองุ่นมากมาย

อเนกกุศลศาลา (วิหารเซียน) อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
ทาง เข้าอยู่ก่อนถึงวัดวัดญาณสังวรารามเล็กน้อย มีทางแยกตรงสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำไปอีก 800 เมตร ,เป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชั้นสูงของจีน ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2530

หาดทรายแก้ว อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
เป็นหาดที่สวยงามอยู่ในความดูแลของหหารเรืออยู่ใกล้โรงเรียนชุมพลทหารเรือ

หาดดงตาล อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เป็น หาดที่สวยงาม โค้งมนไปตามขอบอ่าวสัตหีบตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอสัตหีบเข้าไปในกองเรือ ยุทธการ เรียงรายไปด้วยต้นตาลซึ่งขึ้นอยู่ ณ ที่นี้มาช้านาน อันเป็นที่มาของชื่อชายหาดแห่งนี้

หาดเตยงาม อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เดิม ชื่อ อ่าวตากัน ตามประวัติการตั้งฐานทัพเรือสัตหีบ ทางเข้าอยู่ด้านหน้าฐานทัพเรือและหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นหาดทรายขาวสวยงามและสะอาด เพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากทหารเรือ เปิดให้ประชาชนเข้าไปพักผ่อนในช่วงวันหยุด

สวนจุลกาลสถิตสถานบรรพชนสยาม อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เป็นสวนที่สร้างถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เมื่อปี พ.ศ. 2538 ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 ต.พลูตาหลวง

หมู่บ้านช่องแสมสาร อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เป็นหมู่บ้านชาวประ มงปลายแหลมสัตหีบ บริเวณหมู่บ้านมีที่พักหลายแห่ง นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนตกปลากันมาก มีบริการเรือและอุปกรณ์ตกปลาให้เช่า

วัดสัตหีบ หรือ วัดหลวงพ่ออี๋ อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ในตัวอำเภอสัตหีบ ด้านหลังวัดติดทะเล สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยหลวงพ่ออี๋หรือพระครูวรเวทมุนี ซึ่งมีความรู้ทางด้านวิปัสสนา เป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้านในยามยาก

พัทยาคาร์ท สปีดเวย์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
เป็นสนามแข่งรถเล็ก ตั้งอยู่ที่ 248/2 หมู่ที่ 2 ถนนเทพประสิทธิ์ ซึ่งเป็นถนนเชื่อม ระหว่างถนนสุขุมวิทกับถนนพัทยาหาดนาจอมเทียน

ทิฟฟานี โชว์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ที่ 464 หมู่ 9 ถนนพัทยาสาย 2 จัดการแสดงคาบาเร่ต์โดยนักแสดงชายล้วน ด้วยฉากแสงสีเสียงอันตระการตา

อัลคาซาร์ คาบาเรต์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
จัดการแสดงคาบาเร่ต์โดยนักแสดงชายล้วน ด้วยฉากแสงสีเสียงอันตระการตา ตั้งอยู่ที่ 78/14 ถนนพัทยาสาย 2 เปิดให้เข้าชมทุกวัน ๆ ละ 3 รอบ

สนามแข่งรถพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
เป็นสนามแข่งรถจักรยานยนต์ระดับนานาชาติ มีเนื้อที่ประมาณ 326 ไร่ ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 36 ห่างจากตัวเมืองพัทยา 15 กิโลเมตร

สนามแข่งรถเล็ก เค อาร์ โกคาร์ท กรังปรีซ์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ที่ถนนเทพประสิทธิ์ ก่อนถึงหาดจอมเทียน เป็นสนามมาตรฐาน ระยะทาง 1,100 เมตร สำหรับมืออาชีพและสมัครเล่น

ศูนย์ฝึก-สอนลิงพัทยา อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ กม. 151 ซอยชัยพฤกษ์ ถนนสุขุมวิท พัทยา มีโชว์วันละ 6 รอบ คือ 9.00 น. 11.00 น. 12.00 น. 13.00 น. 14.00 น. และ 17.00 น. ซึ่งจะมีการโชว์ต่าง ๆ

หาดจอมเทียน อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ทางทิศใต้อยู่หางจากตัวเมืองพัทยาประมาณ 4 กิโลเมตร ชายหาดมีความยาว 6 กิโลเมตร มีถนนที่ร่มรื่นเลียบชายหาดโดยตลอด

หาดวงพระจันทร์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
อยู่ ทางด้านทิศเหนือของอ่าวพัทยา ทางเข้าทางเดียวกับโรงแรมเซ็นทรัลวงศ์อมาตย์ ชายหาดมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ เป็นหาดที่เงียบสงบ เหมาะที่จะเล่นน้ำ และพักผ่อน

สวนกล้วยไม้ศิริพร อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ที่เลขที่ 235/14 หมู่ 5 ถนนเนินพลับหวาน ตำบลหนองปรือ จากถนนสุขุมวิทให้เลี้ยวซ้ายเยื้องกับทางแยกไฟแดงพัทยากลาง เข้าไปประมาณ 800 เมตร ภายในสวนจะมีกล้วยไม้นานาชนิดให้ชมและเลือกซื้อพันธุ์ไม้ได้ อาทิ พันธุ์ปอมปาดัว แวนด้า โกลเด้น ชาวเวอร์ แคทรียา สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ โทร. 0 3842 9013, 0 3842 1536

โฟมปาร์ตี้ โรงแรมฮาร์ดร็อกพัทยา อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
จัด ขึ้นบริเวณสระว่ายน้ำของโรงแรมทุกวันเสาร์ เวลา 21.00-01.00 น. เป็นการลงเล่นฟองโฟมในสระว่ายน้ำอย่างสนุกสนาน ผู้เข้าร่วมต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป

แฟร์เท๊กซ์ สปอร์ต คลับ แอนด์ รีสอร์ท อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ศูนย์ อกกำลังกายครบวงจร อาทิ ปีนหน้าผาจำลอง ชกมวย โยคะ สควอช เทนนิส เป็นต้น ตั้งอยู่เลขที่179/201 หมู่ 5 ถนน พัทยาเหนือ โทร. 0 3848 8196, 0 3825 3888 โทรสาร 0 3848 8197 กรุงเทพฯ
โทร. 0 2386 6117-8

เปิดหูเปิดตาโชว์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ที่ ถนนพัทยาสาย 2 ตรงข้ามกับทิฟฟานี่โชว์ เปิดการแสดงมายากล โดยผ่านการแสดงรูปแบบต่างๆ เช่น อลาดิน, เดอะ เมอร์เมด, สาวน้อยไร้ร่าง

เดอะฮอร์สชูพ้อยท์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ที่เลขที่ 100 ตำบลโป่ง เป็นสถานที่ฝึกขี่ม้าและโรงแรมที่พัก ตั้งอยู่บนถนนพรประภานิมิตร (เข้าทางเดียวกับสยามคันทรี่คลับ)

โจโจ้ฮอร์สคลับ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
เป็น สถานที่ฝึกขี่ม้า ตั้งอยู่ที่ทางเข้าโรงแรมมารีน่าอินน์ ถนนนาเกลือ ซอย 12 อัตราค่าเช่าขี่ม้า 1 ชั่วโมง ราคา 600 บาท, 10 ชั่วโมง 4,000 บาท โทร. 0 3822 5149 email : jojo@chonburi.ksc.co.th

เกาะสาก อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
อยู่ ด้านทิศเหนือของเกาะล้าน ห่างจากเกาะล้านไปประมาณ 600 เมตร เช่าเรือเร็วจากหาดพัทยา 3,000 บาท ใช้เวลา 20 นาที เป็นเกาะขนาดเล็ก โค้งเป็นรูปเกือกม้าหงาย มีหาดทรายขาวนวลอยู่ 2 หาด ทางด้านเหนือและใต้ มีทางเดินติดต่อกันได้ มีแนวปะการัง บนเกาะมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว

เลคแลนด์ วอเตอร์เคเบิ้ลสกี อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ตรงหลัก กม. 150.5 อยู่ห่างจากตัวเมืองพัทยาประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นสถานที่เล่นสกีน้ำของเมืองพัทยา

โรงภาพยนตร์ทะลุมิติ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ที่ชั้น 3 รอยัล การ์เด้น พลาซ่า พัทยา เป็นโรงภาพยนต์ที่ใช้ระบบพิเศษ ทำให้ผู้ชมรู้สึกราวกับอยู่ในเหตุการณ์จริง อัตราค่าเข้าชม 1 เรื่อง 200, 2 เรื่อง 300 โทร.
0 3871 0294-8

เกาะค้างคาว อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
เป็น เกาะเล็ก ๆ ด้านทิศใต้ของเกาะสีชัง มีหาดทรายและปะการัง นั่งเรือท่าเทววงศ์ไปประมาณครึ่งชั่วโมง ค่าเช่าเรือประมาณ 800 บาท บนเกาะมีที่พักบริการ

น้ำตกชันตาเถร อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
เป็น น้ำตกในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ อยู่ห่างจากถนนสุขุมวิท ไปประมาณ 15 กิโลเมตร ตามทางหมายเลข 3144 ทางไปวัดเขาไม้แดง

ซีเอ็มที ฟลายอิ้งคลับ อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
อยู่บริเวณ กม.10 ทางหลวงหมายเลข 36 ทางไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นสถานที่ฝึกเรียนการบินขั้นพื้นฐานของอากาศยานเบาพิเศษ

ชลบุรี ฟรายอิ้ง คลับ อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
อยู่ที่ตำบลบางพระ สามารถชมทิวทัศน์ในมุมสูงด้วยเครื่องบินเล็กพร้อมนักบินพาโฉบฉิวชมเมืองและทิวทัศน์โดยรอบได้ 1 รอบ

วัดหลวงพรหมวาส อำเภอพนัสนิคม จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ที่บ้านคลองหลวง ตำบลวัดหลวง ริมถนนสายพนัสนิคม-ฉะเชิงเทรา ตามเส้นทางหมายเลข 315 อยู่ด้านขวา

เขาสามมุข อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
สัญลักษณ์ ในดวงตราประจำจังหวัดชลบุรี เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ อยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านอ่างศิลา และหาดบางแสน เชิงเขาเป็นที่ตั้งศาลเจ้าแม่เขาสามมุข

พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่เส้นทางเดียวกับทางไปวัดญานสังวราราม โดยแยกจากถนนสุขุมวิท บริเวณ กม. 160 ไปอีก 6 กิโลเมตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักด้วยแสงเลเซอร์บนหน้าผา

อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เกาะขามเป็นเกาะขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะแสมสาร เป็นเกาะที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีชายหาดที่สวยงาม

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เป็น แหล่งให้ความรู้ทางด้านชีววิทยา เกี่ยวกับวงจรชีวิตของเต่าทะเล สำหรับคณะต่าง ๆ ที่เข้าเยี่ยมชม มีวิทยากรบรรยาย ชมวีดีทัศน์และนำชมนิทรรศการกับเยี่ยมชมความน่ารักของเต่าทะเลที่บ่ออนุบาล

หาดนางรำ อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
อยู่ ใกล้กับท่าเรือจุกเสม็ดหรือท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ เป็นหาดยาวประมาณ 200 เมตร เหมาะสำหรับเล่นน้ำและพักผ่อนหย่อนใจ บริเวณมีร้านอาหารและที่พักของสโมรสรทหารเรือ สุดปลายหาดคือแหลมปู่เจ้าประดิษฐานศาลเจ้าพ่อกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

สวนนงนุช อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในเนื้อที่ 1,500 ไร่ ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การแสดงของช้าง

วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
มี เนื้อที่กว้างขวางถึง 366 ไร่ แยกซ้ายจากถนนสุขุมวิทตรง กม. 160 ไปอีก 5 กิโลเมตร เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อถวายสมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน

เรือรบหลวงจักรีนฤเบศร อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ที่ท่าเรือน้ำลึกจุกเสม็ด ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า “จักรีนฤเบศร” หมายถึง ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี เป็นเรือที่ต่อในประเทศสเปน เมื่อปี 2537

ปราสาทสัจธรรม อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่บริเวณแหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ เมืองพัทยา ทางเข้าอยู่บริเวณซอยนาเกลือ 12 เป็นปราสาทไม้ริมทะเลที่อลังการตระการตา งดงามด้วยประติมากรรมและลวดลายแกะสลักที่สะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ ภูมิปัญญา คุณธรรมและปรัชญาของคนในโลกตะวันออก เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2524

จังเกิล บันจี้จัมป์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่บริเวณหาดจอมเทียน กิโลเมตรที่ 3 ใกล้กับบ่อตกปลา จอมเทียน ฟิชชิ่ง ปาร์ค เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสนุกสนานตื่นเต้น เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. อัตราค่าบริการ 1,800 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 6387 3880

อุทยานหินล้านปี และฟาร์มจระเข้พัทยา อำเภอ จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่เลขที่ตำบลหนองปลาไหล จากถนนสุขุมวิทบริเวณนาเกลือมีป้ายบอกทางแยกหลัก กม. 140 ใกล้สะพานลอยหน้าวัดสว่างฟ้า เข้าไปตามถนนชัยพรวิถี (ทางหลวงหมายเลข 3024)

อุทยานสามก๊ก อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
อุทยาน สามก๊ก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานไทย-จีน ในเนื้อที่ 36 ไร่ ซึ่งริเริ่มขึ้นจากแนวคิดของคุณเกียรติ ศรีเฟื่องฟุ้ง นักธุรกิจเชื้อสายจีนชั้นนำของไทย

โรงละครอลังการ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
โรง ละคร ประกอบด้วย กำแพงแก้ว หอระฆังมงคล ภัตตาคาร “อลังการ” ภายในตกแต่งด้วยศิลปะสมัยใหม่ที่เชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนได้เอมอิ่มกับอาหาร ไทยและนานาชาติ และลานวัฒนธรรมและร้านขายของที่ระลึก

อันเดอร์ วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา (Underwater World Pattaya) อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
เป็น แหล่งรวมพันธ์ปลาทะเลในด้านอ่าวไทย นักท่องเที่ยวสามารถชมผ่านมิติใหม่โดยเดินลอดอุโมงค์แก้วที่เปิด ให้เห็นปลาประเภทต่าง ๆ ที่ว่ายอยู่รอบๆ ได้ถึง 180 องศา

หาดพัทยา อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ความ ยาวประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ มีถนนเลียบชายหาดที่ร่มรื่น ชายหาดทางด้านเหนือเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำนั่งพักผ่อน

พิพิธภัณฑ์ศิลปะในขวดแก้ว อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
จำลองงานสถาปัตยกรรมสถานที่สำคัญจากทุกมุมโลกไว้ในขวดแก้วขนาดต่าง ๆ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของคุณปิเตอร์ เบย์เดอเลย์ ชาวเนเธอร์แลนด์

สวนสนุกพัทยาปาร์ค อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ปลายหาดดงตาล ด้านเหนือของหาดจอมเทียน มีสระน้ำวน สไลเดอร์สูงใหญ่ และเครื่องเล่นนานาชนิด มีหอคอยพัทยาปาร์คสูง 55 ชั้น

หมู่บ้านช้างพัทยา อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
หมู่ บ้านช้างพัทยา จากถนนสุขุมวิทเข้าถนนพรประภานิมิตรมาประมาณ ๕ กิโลเมตร และเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางไปมาบยายเลีย ๒ กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวต่างประเทศให้ความสนใจ

ขาพระตำหนักหรือเขาพระบาท อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ซึ่ง เป็นภูเขาเตี้ย ๆ คั่นระหว่างหาดพัทยาใต้กับหาดจอมเทียน บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดเขาพระบาท อนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

เกาะล้าน อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
อยู่ ห่างชายฝั่งพัทยา 7 กิโลเมตร นั่งเรือโดยสาร 45 นาที หากเดินทางโดยเรือเร็วใช้เวลาเพียง 15 นาที มีพื้นที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง

ริบลีส์ เวิลด์ ออฟ เอนเตอร์เม้นท์ อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ที่ ศูนย์การค้า รอยัล การ์เด้น พลาซ่า ชั้น 3 พัทยา ถนนชายหาดพัทยา กิจกรรมการท่องเที่ยวต่าง ๆ ดังนี้

เรือดำน้ำภิรมย์ (วิมานใต้ทะเล) อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
เป็น เรือดำน้ำเพื่อการท่องเที่ยวที่นำนักท่องเที่ยวดำสู่ใต้น้ำด้วยความลึกกว่า 20 เมตร เพื่อชมความงามของปะการังใต้ท้องทะเลบริเวณเกาะล้าน และเกาะสาก

เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
เมือง พัทยา เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งทางบก และทางน้ำ จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยว

เมืองจำลองพัทยา อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี
เมือง จำลองพัทยา ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทก่อนเข้าตัวเมืองพัทยา ตรงหลัก กม. ที่ 143 เป็นสถานที่จำลองปูชนียสถาน และโบราณสถาน ที่สำคัญทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ย่อส่วนในอัตรา 1 ต่อ 25

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ที่ตำบลบางพระ ในเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ สามารถเดินทางเข้าถึงได้ 2 เส้นทาง คือ จากถนนสุขุมวิทไปประมาณ 19 กิโลเมตร ผ่านอ่างเก็บน้ำ

สวนเสือศรีราชา อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
อยู่ ห่างจากตลาดศรีราชา (ทางไปโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา) ไปตามทางหลวงหมายเลข 3241 ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวประเภทสวนสัตว์ มีฟาร์มเพาะเลี้ยงเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลกว่า 200 ตัว

เกาะลอยศรีราชา อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี
ตั้งอยู่ที่ถนนเทศบาล ทางทิศเหนือของตลาดศรีราชา เป็นเกาะเล็ก ๆ ใกล้ชายฝั่ง ซึ่งมีสะพานคอนกรีตเชื่อมระหว่างชายฝั่งกับเกาะลอย

ตลาดเครื่องจักสาน อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่บริเวณถนนเกาะแก้ว ซึ่งเป็นย่านตลาดเก่าของพนัสนิคม มีร้านค้าบ้านเรือนไม้แบบเก่าหลายหลัง จำหน่ายข้าวของเครื่องใช้ที่จักสานด้วยไม้ไผ่ ซึ่งเป็นหัตถกรรมขึ้นชื่อของพนัสนิคม เช่น ฝาชี กระจาด หมวก กระบุง ตะกร้า เป็นต้น

หอพระพนัสบดี อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่กลางสระน้ำ ตรงข้ามศาลาเทศบาลเมืองพนัสนิคม ถนนเมืองเก่า ซอย 1 เป็นที่ประดิษฐานพระพนัสบดีซึ่งจำลองจากองค์จริง เป็นพระพุทธรูปยืนปางประทานพร สมัยทวารวดีที่สง่างามมาก อายุประมาณ 1,200-1,300 ปี แกะสลักอย่างประณีตจากหินดำเนื้อละเอียด ประทับยืนบนหลังสัตว์ที่มีลักษณะผสมกันระหว่างครุฑ โค และหงส์

ตลาดหนองมน อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
อยู่ ริมถนนสุขุมวิท ห่างจากทางแยกเข้าหาดบางแสนประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นแหล่งรวมของกินของฝากจากเมืองชล ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารทะเลสดและแปรรูป

อ่างศิลา อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
อ่าง ศิลา เป็นหมู่บ้านประมงริมทะเล อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอยนางรมและหอยแมลงภู่ มีร้านอาหารทะเล

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
อยู่ ติดกับมหาวิทยาลัยบูรพา ก่อนถึงชายหาดบางแสน มีเนื้อที่ 30 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม

หาดบางแสน อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
หาด บางแสน อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 14 กิโลเมตร แยกขวาจากถนนสุขุมวิท ตรงหลัก กม. 104 เข้าไป 3 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยที่มีชื่อเสียงมาช้านาน

หอพระพุทธสิหิงค์ อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่บนถนนวชิรปราการ ในตัวเมือง ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์จำลอง (องค์จริงประดิษฐานอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ)

วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
เป็น ศาลเจ้าจีนที่ก่อสร้างอย่างสวยงามใหญ่โต ตั้งอยู่ริมเส้นทางเลียบชายทะเลจากอ่างศิลาไปเขาสามมุข มีตึก 4 ชั้น ภายในโอ่โถงตระการตาด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน

วัดธรรมนิมิตต์ อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่ที่ตำบลบ้านสวน บนถนนสายชลบุรี-พนัสนิคม ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2484 เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมงคลนิมิตต์

วัดใหญ่อินทราราม อำเภอเมือง จ.ชลบุรี
ตั้ง อยู่บนถนนเจตน์จำนงค์ในตัวเมืองชลบุรี เป็นวัดสำคัญเก่าแก่คู่เมืองชลบุรี มีสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนปลาย คือ พระอุโบสถฐานโค้งแอ่นท้องสำเภา

ข้อมูลการเดินทาง

รถยนต์
จากกรุงเทพ ฯ สามารถเดินทางไปจังหวัดชลบุรีได้หลายเส้นทาง คือ
1. ใช้เส้นทางสายบางนา-ตราด ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
2. ใช้เส้นทางสายกรุงเทพฯ-มีนบุรี ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา-บางปะกง เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
3. ใช้เส้นทางสายเก่า ถนนสุขุมวิท ทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ ไปจนถึงแยกอำเภอบางปะกง และให้แยกเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 34 ไปจนถึงจังหวัดชลบุรี
4. ใช้เส้นทางหลวงพิเศษ (MOTOR WAY) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา โทร. 1193, 0 3839 2001

รถไฟ
จากสถานีรถไฟหัวลำโพง มีบริการรถไฟไปจังหวัดชลบุรีทุกวัน ๆ ละ 1 เที่ยว ไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟพลูตาหลวง สอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ โทร. 1690, 0 2223-4334, 0 2220-4444 http://www.railways.co.th/

รถโดยสารประจำทาง
จากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) มีบริการรถโดยสารปรับอากาศไปชลบุรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 5.30-21.00 น. รถออกทุก 40 นาที โทร. 0 2391-9829 รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 มีบริการระหว่างเวลา 5.00–21.00 น. ออกทุก 30 นาที
โทร. 0 2391–2504 รถโดยสารธรรมดามีบริการตั้งแต่เวลา 5.00-21.00 น. ออกทุก 30 นาที โทร. 0 2391-2504 หรือจะขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ก็ได้ มีรถโดยสารปรับอากาศบริการตั้งแต่เวลา 6.30-18.30 น. โทร. 0 2936-2852-66 http://www.transport.co.th/  นอกจากนั้นยังมีบริษัทเดินรถเอกชนที่วิ่งบริการ ออกจาก สถานีขนส่งสายใต้ เป็นรถโดยสารปรับอากาศไปพัทยาทุกวัน วิ่งเส้นบางนา-ตราด รถไปจอดที่ สถานีรถปรับอากาศ ถนนพัทยาเหนือ ของ บริษัท รถรุ่งเรือง จำกัด เริ่มตั้งแต่เวลา 05.30-18.30 น.รถออกทุก 2 ชั่วโมง โทร. 0 2884 5582 สาขาพัทยา โทร. 0 3842 9877

เรือโดยสาร
มีบริการเรือโดยสาร (เรือสำราญ) สิริธารา โอเชี่ยน ควีน เส้นทางระหว่าง พัทยา-สมุย ออกเดินทางเวลา 16.30 น. ถึงปลายทาง เวลา 7.30 น. สนใจติดต่อ โทร. 0 2651 1346-9 , 0 2255 6470-5 โทรสาร 0 2651 1350 หรือเว็บไซต์ http://www.oceanqueen.co.th/

คำขวัญ ประจำจังหวัด

ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย

ชลบุรียุคปรับปรุงประเทศ

จังหวัดชลบุรีเป็นเมืองท่าชายฝั่งทะเล อยู่ใกล้กรุงเทพ ฯ  อากาศดี การเดินทางสะดวก เป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศที่เข้ามาอยู่เมืองไทย จึงเป็นสถานที่ชาวตะวันตกนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนตากอากาศ

ในปี พ.ศ.๒๓๘๑ หมอบรัดเล มิชชันนารี ชาวอเมริกันได้เข้ามาเผยแพร่คริสตศาสนาในกรุงเทพ ฯ  ได้เดินทางมาเที่ยวทะเลแถบบางปลาสร้อย อ่างศิลา แล้วขึ้นบกเดินทางต่อไปเขาเขียว ซึ่งอยู่ทางด้านหลังบางพระเข้าไป หมอบรัดเลได้บันทึกการเดินทางครั้งนั้นว่าสนุกเพลิดเพลินมาก นอกจากชาวตะวันตกแล้ว เจ้านายของไทยก็นิยมไปพักผ่อนตากอากาศชายทะเลและพักฟื้นจากการเจ็บป่วยที่จังหวัดชลบุรีด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้น ชลบุรียังเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาตินานาชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าไม้กระยาเลย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เสนาบดีกระทรวงเกษตร ได้ขอสัมปทานทำป่าไม้กระยาเลยที่ศรีราชา ตั้งบริษัทป่าไม้ศรีราชา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐ เป็นที่รู้จักกันในสมัยต่อมาว่า บริษัทศรีมหาราชา

โรงแรมบางแสนบีช ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐

การสร้างท่าเทียบเรือและขนถ่านสินค้าที่อ่างศิลา อ่างศิลาหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า     อ่างหิน ปัจจุบันเป็นตำบลอยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ อยู่ระหว่างตำบลบางปลาสร้อยกับเขาสามมุข ที่เรียกอ่างศิลาเพราะมีสระศิลา ยาวรีอยู่สองแห่ง แห่งหนึ่งลึกเจ็ดศอก กว้างสองศอก ยาวสิบวา อีกแห่งหนึ่งลึกหกศอก กว้างสามวาสองศอก ยาวเจ็ดวา ชาวบ้านและชาวเรือได้อาศัยใช้น้ำฝนในอ่างศิลาทั้งสองนั้นและบ่ออื่น ๆ อีก จึงเรียกว่า บ้านอ่าวศิลา

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เคยเสด็จประพาสและประทับแรมที่อ่าวศิลาหลายครั้งแล้ว ทรงพิจารณาเห็นว่า อ่างศิลามีศิลาใต้น้ำมาก เวลาน้ำลงจะมีศิลาและเลนลาดออกไปจากฝั่งเป็นระยะทางยาวไม่สะดวกในการจอดเรือเทียบท่า จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้เสนาบดีกรมท่าสร้างสะพานหินให้ยาวออกไปในทะเลจนพ้นเขตศิลาใต้น้ำ เพื่อสะดวกแก่เรือพาณิชย์ที่มาแวะจอดเทียบท่าขนถ่ายสินค้าในบางฤดูกาล

การสร้างอาศรัยสถานและด่านหลวงที่อ่างศิลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้ว่าจะเคยเสด็จมาประทับแรมที่อ่างศิลาหลายครั้ง แต่มิได้ทรงสร้างวังที่ประทับแต่อย่างใด เพียงแต่โปรดเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้สร้างพลับพลาเล็ก ๆ หลังเดียว เวลาประทับค้างแรมจะประทับแรมในเรือพระที่นั่ง ต่อมา เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ 
สมุหกลาโหมได้สร้างอาคารก่ออิฐถือปูนไว้เป็นที่พักฟื้นคนป่วยหลังหนึ่ง เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (เจ้าคุณกรมท่า) สร้างอีกหลังหนึ่ง อาคารดังกล่าวชาวต่างประเทศได้ไปพักอาศัยอยู่เสมอเรียกกันในสมัยนั้นว่า อาศรัยสถาน อาคารทั้งสองหลังได้รับการบูรณะซ่อมแซมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในปี พ.ศ.๒๔๔๐ และได้รับพระราชทานนามว่า ตึกมหาราชและตึกราชินี ผู้ใดประสงค์จะเข้าพักรักษาตน เมื่อได้รับอนุญาตจากเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยแล้วก็เข้าพักอาศัยได้ โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า

ในปี พ.ศ.๒๔๑๕ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นไปรับพระเศวตสุวภาพรรณ ที่สระบุรี และเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทกับพระพุทธฉายแล้ว ได้เสด็จกลับทางนครนายก ปราจีนบุรีและมาที่อ่างศิลา  ครั้งนั้น เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เสนาบดีกรมท่า ได้ออกมาสร้างพลับพลารับเสด็จที่อ่างศิลาเป็นพลับพลาที่สร้างค่อนข้างถาวร เพื่อจะได้ใช้ในโอกาศต่อไปด้วย โดยสร้างเป็นค่ายหลวงใหญ่ มีท้องพระโรงและพระที่นั่ง มีเรือนข้างหน้าข้างในใหญ่โต พร้อมทุกพนักงาน

วัดจีนอ่างศิลา (วัดอ่างศิลา) ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐

ยกบ้านอ่างศิลาขึ้นเป็นเมือง ในปี พ.ศ.๒๔๑๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กลับจากเสด็จประพาสเมืองจันทบุรีมาถึงอ่างศิลา ทรงพอพระทัยปลัดจีนเมืองชลบุรี ที่เสนาบดีกรมท่าจัดมาเป็นผู้ดูแลรักษา ค่ายหลวงอ่างศิลาที่ดูแลรักษาไว้ได้ดีมาก จึงมีรับสั่งกับเสนาบดีกรมท่าว่าจะยกบ้านอ่างศิลาให้เป็นเมืองหนึ่งขึ้นกับเมืองชลบุรี ด้วยเห็นว่า ที่บ้านอ่างศิลามีคนอยู่มากและจะทรงแต่งตั้งปลัดที่ดูแลความเรียบร้อย ที่บ้านอ่างศิลาในขณะนั้นขึ้นเป็นเจ้าเมือง เมืองอ่างศิลาเปลี่ยนฐานะมาเป็นอำเภอในจังหวัดชลบุรี ในปี พ.ศ. ๒๔๔๑

จากหลักฐานทางโบราณคดีที่หลงเหลืออยู่ไม่มากในปัจจุบัน ทำให้ทราบได้ว่า ชลบุรีมีร่องรอยการตั้งชุมชนเก่าแก่ในยุคหินขัดอยู่ด้วย เช่น บริเวณที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำพานทองเคยมีมนุษย์ในยุคหินใหม่อาศัยอยู่ โดยชนกลุ่มนี้นิยมใช้ขวานหินขัดเพื่อการเก็บหาล่าไล่ รวมถึงการใช้ลูกปัดและกำไล ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาซึ่งมีลายที่เกิดจากการใช้เชือกทาบลงไปขณะดินยังไม่แห้ง นอกจากนี้ยังพบเศษอาหารทะเลพวกหอย ปู และปลาอีกด้วย

ในสมัยทวารวดีและสมัยลพบุรี ประมาณ 1,400-700 ปีก่อน บริเวณตำบลหน้าพระธาตุ อำเภอพนัสนิคมในปัจจุบัน มีร่องรอยของเมืองใหญ่ชื่อ “เมืองพระรถ” ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มซึ่งแม่น้ำหลายสายไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำพานทอง โดยสามารถใช้แม่น้ำสายนี้เป็นทางคมนาคมติดต่อกับเมืองศรีมโหสถในจังหวัดปราจีนบุรี จนไปถึงอรัญประเทศได้  อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินเท้าเชื่อมไปถึงจังหวัดระยองและจันทบุรี ผ่านเมืองพญาเร่ซึ่งเป็นเมืองโบราณสำคัญอีกแห่งหนึ่งของชลบุรี เมืองพระรถจึงกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของชลบุรีในยุคนั้น

งานประจำปีจังหวัดชลบุรี ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐

ถัดลงมาทางทิศใต้ตามลำน้ำพานทองช่วงออกทะเลที่ปากน้ำบางปะกง ในอดีตยังมีเมืองสำคัญอีกแห่งตั้งอยู่ชื่อ “เมืองศรีพโล” โดยเมื่อ 600 ปีก่อนในสมัยสุโขทัย เมืองนี้มีฐานะเป็นเมืองท่าชายทะเลที่มั่งคั่ง เปิดรับเรือสำเภาจากจีน กัมพูชา และเวียดนาม ให้มาจอดพักก่อนเดินทางต่อไปยังปากน้ำเจ้าพระยา (เป็นที่น่าเสียดายว่ากำแพงเมืองศรีพโลได้ถูกทำลายไปหมดสิ้นจากการก่อสร้างถนนสุขุมวิท จึงไม่เหลือร่องรอยทางโบราณคดีไว้ให้ศึกษาอีกต่อไป)  ต่อมาในสมัยอยุธยา เมืองศรีพโลก็ค่อยๆ หมดความสำคัญลง อาจเพราะปากแม่น้ำตื้นเขินจากการพัดพาสะสมของตะกอนจำนวนมหาศาล ประชาชนจึงย้ายถิ่นฐานลงมาสร้างเมืองใหม่ที่ “บางปลาสร้อย” ซึ่งก็คือ “เมืองชลบุรี” ในปัจจุบัน (วัดใหญ่อินทารามในตัวเมืองชลบุรีปัจจุบัน ยังปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังการค้าขายระหว่างคนไทย จีน และฝรั่ง บ่งบอกถึงบรรยากาศการค้าขายอันคึกคักในอดีต)

ครั้นสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระอินทอาษา ชาวเมืองเวียงจันทน์พาชาวลาวจำนวนหนึ่งมาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ไปตั้งถิ่นอาศัยอยู่ระหว่างเมืองชลบุรีและฉะเชิงเทรา (บริเวณเมืองพนัสนิคมในปัจจุบัน) ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงได้รวบรวมเมืองเล็กๆ ต่างๆเข้าด้วยกันจนกลายเป็น “จังหวัดชลบุรี” ดังเช่นทุกวันนี้

กำเนิดเมืองพนัสนิคม

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในปี พ.ศ.๒๓๕๒ ท้าวไชย อุปราชเมืองนครพนม ได้นำชาวลาวจำนวนกว่าสองพันคน เข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ในจำนวนนั้นมีชายฉกรรจ์ ๘๖๐ คน จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่คลองมหาวงศ์ เมืองสมุทรปราการ และโปรดเกล้า ฯ ให้ท้าวอินอินศาล   บุตรท้าวไชยอุปราช เป็นพระยาปลัดเมืองสมุทรปราการ (ปลัดลาว) เพื่อดูแลกลุ่มคนลาวดังกล่าว ลาวกลุ่มนี้เรียกว่าลาวอาสาปากน้ำ ต่อมาลาวกลุ่มนี้ได้ขอไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองพระรถ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ออกไปตั้งบ้านเรือนอยู่ระหว่างเมืองชลบุรีกับเมืองฉะเชิงเทรา และได้โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งเป็นเมือง เมื่อปี พ.ศ.๒๓๗๑ ชื่อเมืองพนัสนิคม
เจ้าเมืองชื่อพระอินทรอาษา

สะพานข้ามเกาะลอย ศรีราชา ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐

พระอินทรอาษามีผลงานที่สำคัญคือช่วยปราบกบฏจีนตั้วเหี่ยที่เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อปี พ.ศ.๒๓๗๑ และในปี พ.ศ.๒๓๗๒ ได้ขึ้นไปเกลี้ยกล่อมชาวลาวที่เมืองนครพนม มาอยู่ที่เมืองพนัสนิคมอีกกลุ่มหนึ่ง

ในปี พ.ศ.๒๓๙๔ เจ้าเมืองพนัสนิคมได้รับมอบให้นำกำลังไปจุกช่องล้อมวงอารักขาเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งประทับอยู่ที่วัดบวรนิเวศ เมื่อทรงรับการอัญเชิญขึ้นครองราชย์ เป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เชื้อสายของพระอินทรอาษาได้ปกครองเมืองพนัสนิคมสืบต่อมาจนเมืองพนัสนิคมโอนไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๗ โดยรวมอยู่ในมณฑลปราจีนบุรี ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๔๑ ได้เปลี่ยนฐานะเป็นอำเภอในจังหวัดชลบุรี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื้อสายพระอินทรอาษาได้รับพระราชทานนามสกุลว่า ทุมมานนท์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๗

พัฒนาการทางประวัติศาสตร์

ชลบุรีสมัยอยุธยาและธนบุรี  ตามทำเนียบศักดินาหัวเมือง พ.ศ.๑๙๑๙ ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราช (ขุนหลวงพะงั่ว) เมืองชลบุรีมีฐานะเป็นเมืองจัตวา ผู้รักษาเมืองมีฐานะเป็น ออกเมืองชลบุรีศรีมหาสมุทร ศักดินา ๒,๔๐๐ ไร่ ขึ้นประแดง อินทปัญญาซ้าย

บริเวณถนนตัดสี่แยกเฉลิมไทยในอดีต

ในสมัยอยุธยา ชลบุรีเป็นเมืองตรี ปกครองอย่างมีกรมการเมือง เจ้าเมืองมียศเป็น ออกพระ ศักดินา ๓,๐๐๐ ไร่ (เท่าปลัดเมืองเอก) ปลัดเมืองศักดินา ๖๐๐ ไร่ ยกกระบัตร ศักดินา ๕๐๐ ไร่ เป็นเมืองส่วยไม้แดง คือมีหน้าที่เก็บส่วยแทนแรงไพร่ (หลวง)  ส่วยเป็นเนื้อไม้แดงส่งไปกรุงศรีอยุธยา เพราะทางตะวันออกเฉียงเหนือของตำบลบางทราย มีป่าไม้แดงมากจนได้ชื่อว่าตำบลหนองไม้แดง

ในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร ระหว่างปี พ.ศ.๑๙๒๗ - ๑๙๒๙  พระยากัมพูชาลอบยกกำลังเข้ามากวาดต้อนผู้คนชาวเมืองชลบุรีและเมืองจันทบุรีไปกัมพูชาประมาณ ๖ - ๗ พันคน

ในปี พ.ศ.๒๓๐๙ ขณะที่กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้น กรมหมื่นเทพพิพิธได้มาเกลี้ยกล่อมรวบรวมชายฉกรรจ์ ทางหัวเมืองภาคตะวันออกได้แก่จันทบุรี ระยอง บางละมุง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี เข้าร่วมกองทัพโดยอ้างว่าจะไปช่วยกรุงศรีอยุธยารบพม่า ในครั้งนั้นชาวชลบุรีได้ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งชลบุรีแทบกลายเป็นเมืองร้าง กรมหมื่นเทพพิพิธรวบรวมไพร่พลได้ประมาณ ๒,๐๐๐ คน ยกไปตั้งมั่นที่เมืองปราจีนบุรี แต่ถูกกองทัพจากอยุธยาออกไปโจมตี แล้วฝ่ายพม่าเข้าโจมตีซ้ำจนฝ่ายกรมหมื่นเทพพิพิธแตกพ่ายไป

ในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ก่อนกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าประมาณสองเดือน สมเด็จพระเจ้าตากสิน ฯ ครั้งยังดำรงพระยศเป็นพระยาวชิรปราการ ได้นำกำลังประมาณ ๑,๐๐๐ คน ตีฝ่าวงล้อมของพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยา ได้เดินทางผ่านบ้านพานทอง ตำบลดอนหัวล่อ บ้านอู่ตะเภา หนองไม้แดง เขาพระบาท บางปลาสร้อย (เมืองชลบุรี)  แต่ชลบุรีในเวลานั้นมีสภาพเหมือนเมืองร้าง จึงเลยไปที่พัทยา รุ่งขึ้นจึงไปจอมเทียน แล้วต่อไปที่ทุ่งไก่เตี้ยและสัตหีบ จากนั้นจึงไปสู่ระยอง ได้ปะทะกับกำลังของขุนรามหมื่นซ่อง (ส้อง) แห่งเมืองระยอง ขุนรามหมื่นซ่องสู้ไม่ได้ กำลังได้แตกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งนายอยู่นกเล็ก ได้มาตั้งซ่องสุมผู้คนอยู่ที่บางปลาสร้อย กองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกมาปราบ โดยมาตั้งอยู่ที่หนองมน แล้วส่งคนไปเจรจา นายทองอยู่นกเล็กยอมสวามิภักดิ์ แล้วนำเสด็จเข้าเมืองชลบุรี นายทองอยู่นกเล็กได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระยาอนุราชบุรีศรีมหาสุนทร รักษาเมืองชลบุรี ต่อมาเขาประพฤติมิชอบจึงถูกปลดออกจากตำแหน่ง

โรงพยาบาลชลบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐

ปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งให้เจ้าพระยาจักรี (แขก) เป็นผู้รักษาเมืองชลบุรี และทายาทของเจ้าพระยาจักรี (แขก) ได้ปกครองเมืองชลบุรีต่อมาอีกสี่ชั่วอายุคน เท่าที่มีหลักฐานได้แก่ ออกพระชลบุรีศรีมหาสมุทร (หวัง  สมุทรานนท์) ปกครองเมืองชลบุรีตั้งแต่ปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ถึงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาราช  ต่อมาได้เลื่อนยศเป็นพระยาราชวังสัน ตำแหน่งเจ้ากรมพาณิชย์นาวี บุตรหลานของท่านได้ตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองชลบุรี ต่อมาจนถึงหลวงภูมิรักษ์บดี (จอม) นายทะเบียนที่ดินเมืองชลบุรีได้รับพระราชทานนามสกุล ๓  จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าสมุทรานนท์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖

ชลบุรีสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น  ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาราช ชลบุรีเป็นเมืองจัตวา สังกัดกรมท่า จนถึงปี พ.ศ.๒๔๓๗ จึงย้ายไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย

องเชียงสือมาลี้ภัยการเมืองที่เกาะกระบือ  ครั้งนั้นพระยาชลบุรีไปตรวจท้องที่พบเข้าจึงแนะนำให้ไปขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตลี้ภัยการเมืองที่กรุงเทพ ฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาราช ทรงอนุญาตให้เข้ามาพำนักอยู่ที่บ้านใต้ต้นสำโรง ต่อมาได้กลับไปกอบกู้บ้านเมืองเป็นพระเจ้าเวียดนามญาลอง

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดชลบุรี

ชลบุรี เป็นดินแดนที่มีผู้คนมาอาศัยมาตั้งแต่ก่อนสมัยประวัติศาสตร์  ได้มีการขุดค้นทางโบราณคดีที่ตำบลโคกพนมดี  อำเภอ พนัสนิคม  ได้พบร่องรอยของชุมชนโบราณก่อนสมัยประวัติศาสตร์  โคกพนมดีเป็นเชลล์มาวด์ที่ใหญ่โตแห่งหนึ่ง  ซึ่งยังไม่เคยพบใน ประเทศทางเอเซียอาคเนย์อื่น ๆ จากการศึกษาโครงกระดูกมุนษย์และโบราณวัตถุที่พบ  เช่น  เครื่องมือหินขัด  เครื่องปั้นดินเผาแบบ เชือกทาบ  รวมทั้งเครื่องประดับที่ทำด้วยเปลือกหอยและหินมีค่า  แสดงว่าเป็นชุมชนที่มีความเจริญอยู่ในระดับยุคหินใหม่  การค้นพบ แห่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่โคกพนมดีนี้  ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริเวณจังหวัดชลบุรี  เป็นดินแดนที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหิน ใหม่แล้ว  ส่วนชุมขนที่พัฒนาเป็นบ้านเมืองสำคัญในยุคแรกของประวัติศาสตร์ในเขตจังหวัดชลบุรี  ได้แก่  เมืองพระรถ  เมืองพญาเร่ และ เมืองศรีพโล

ยุคก่อนประวัติศาสตร์  จากการสำรวจในช่วง ปี พ.ศ.๒๕๑๖ - พ.ศ.๒๕๒๘ ในพื้นที่อำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง อำเภอบ่อทอง และอำเภอเมือง ฯ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็่นดินแดนที่มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เป็นชุมชนโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ ถึงยุคประวัติศาสตร์ นับแต่เขาชะอางห้ายอดในแหล่งโบราณคดีกลุ่มเขาชะอาง อำเภอบ่อทอง ชุมชนโคกพนบดี โคกพุทรา อำเภอพนัสนิคม ชุมชนโคกระกา โคกกะเหรี่ยง อำเภอพานทอง และชุมชนเนินสำโรง อำเภอเมือง ฯ
โคกพนบดี  เป็นเนินดินขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายเกาะที่ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่ม มีรูปร่างค่อนข้างกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒๓๐ เมตร มีพื้นที่ประมาณ ๒๘ ไร่ จุดสูงสุดจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๑๒ เมตร อยู่ในเขตตำบลท่าข้ามอำเภอพนัสนิคม

ผลการศึกษาพบว่า โคกพนบดีเป็นที่ตั้งชุมชนโบราณที่สามารถสร้างเครื่องมือหิน (ขวานหินขัด หินลับ หินบด ค้อนหิน หินกรวดสำหรับขัดผิว ภาชนะและกำไลหิน) เครื่องมือที่ทำจากกระดูกสัตว์เช่น ฉมวก เครื่องมือที่ทำจากหอยเช่น มีด สิ่ว เครื่องประดับที่ทำจากเปลือกหอย และภาชนะดินเผาแบบเชือกทาบ เป็นชุมชนที่อพยพ และเปลี่ยนแปลงมาจากสังคมแบบดั้งเดิม ซึ่งมักอาศัยอยู่ในที่สูงดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และแสวงหาอาหารจากธรรมชาติ ต่อมาอพยพลงมาอยู่ที่โคกพนบดี ซึ่งในครั้งนั้นเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งจากป่าและทะเล มีผู้เสนอข้อคิดเห็นว่าเนินดินแห่งนี้เป็น shell Mound สมัยก่อนประวัติศาสตร์ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเซียอาคเนย์ ต่อมาผู้คนเหล่านั้นก็เริ่มพัฒนาการดำรงชีวิตด้วยการเพาะปลูกแบบเริ่มแรก ควบคู่กันไปกับการแสวงหาอาหารจากทะเล และล่าสัตว์ขนาดเล็ก
มีผู้ให้ความเห็นว่า การตั้งถิ่นฐานที่โคกพนบดีนี้น่าจะมีสองสมัยคือ สมัยแรก มีอายุประมาณ ๘,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว ดำรงชีพด้วยทรัพยากรจากทะเลเป็นสำคัญ (พบเปลือกหอย ก้างปลา กระดองเต่า และก้ามปู จำนวนมาก)  สมัยที่สอง มีอายุประมาณ ๕,๐๐๐ - ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ชุมชนน่าจะขยายตัวใหญ่ขึ้น เพราะได้พบภาชนะดินเผาเป็นจำนวนมาก เริ่มปลูกข้าว (พบเมล็ดข้าวที่เป็นถ่าน)

โคกระทา  อยู่ที่บ้านโคกระทา ตำบลนาประดู่ อำเภอพานทอง ลักษณะเป็นเนินดินรูปร่างค่อนข้างยาว ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ - ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนสูงสุดของเนินอยู่ทางตอนเหนือสูงกว่าพื้นที่โดยรอบประมาณ ๖ เมตร ทางตอนใต้ของโคกระทามีลำน้ำเก่าไหลผ่าน เรียกว่า คลองสายบัว ไหลไปบรรจบคลองบางนาที่ไหลไปบรรจบแม่น้ำบางชะกง

จากการศึกษา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ ด้วยวิธีขุดตรวจทางโบราณคดี ได้พบโครงกระดูกมนุษย์ห้าโครง และสิ่งของที่ใส่ให้กับศพเช่น เครื่องประดับที่ทำด้วยสำริด ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหิน กำไลเปลือกหอย ฯลฯ นอกจากนั้นยังพบเครื่องใช้จำพวกภาชนะดินเผา ลูกกระดุมดินเผา เบี้ยดินเผา หินดุ ถ้วยสำริด แหวนสำริด ชิ้นส่วนกำไลสำริด

จากหลักฐานที่พบสันนิษฐานว่า ชุมชนโบราณบ้านโคกระทาเป็นชุมชนสมัยก่อนประวัติศาตร์ตอนปลาย (ยุคสำริด) ขนาดใหญ่ที่มีการติดต่อกับชุมชนร่วมสมัยอื่น ๆ ในภาคกลางของไทยและอาจมีความสัมพันธ์กับชุมชนอื่น ๆ ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
โคกกะเหรี่ยง หรือ โคกฝรั่ง  อยู่ในเขตตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง เป็นเนินดินรูปกลมขนาดใหญ่สูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๕ เมตร ก่อนที่กลุ่มคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก จะเข้ามาจับจองอยู่ถึงปัจจุบัน เคยเป็นที่อยู่ของชาวกะเหรี่ยง

จากการสำรวจ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ ได้พบเศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบ เผาด้วยอุณหภูมิต่ำ มีการตกแต่งผิวด้วยลายเชือกทาบ รูปแบบภาชนะส่วนใหญ่ มีรูปทรงคล้ายบาตรพระ เศษกระเบื้องดินเผาเนื้อหยาบเผาด้วยอุณหภูมิสูง พบเพียงสามชิ้นเป็นชนิดเคลือบเขียว ไม่เคลือบหนึ่งชิ้น นอกจากนั้นยังพบกระดูกสัตว์ และเปลือกหอยหลายชนิด

จากหลักฐานที่พบสันนิษฐานว่า เป็นชุมชนขนาดใหญ่ อาจร่วมสมัยกับชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ที่โคกพนบดี และโคกระทา มีอายุประมาณ ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว
เนินสำโรง  เป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายถึงสมัยประวัติศาสตร์ (สมัยทวารวดี) ตั้งอยู่ที่มาบสามเกลียว ตำบลหัวร่อ อำเภอเมือง ฯ เป็นเนินดินขนาดเล็ก อยู่กลางพื้นนาสูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๒ เมตร

จากการสำรวจ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ พบโบราณวัตถุกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะตอนกลางเนิน ได้แก่ เศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบ เผาด้วยอุณหภูมิต่ำ ตกแต่งผิวภาชนะด้วยลายเชือกทาบ เศษภาชนะดินเผาเนื้อแกร่ง เผาด้วยอุณหภูมิสูงชนิดไม่เคลือบ ผิวสีน้ำตาลเข้ม ตกแต่งผิวด้วยลายขีด เศษภาชนะดินเผา เครื่องถ้วยชนิดเคลือบ มีสีผิวต่าง ๆ เช่น เคลือบน้ำตาลคล้ำ เคลือบเขียว และขาวขุ่น นอกจากนั้นยังพบอิฐขนาดต่าง ๆ และเปลือกหอยแครง

จากหลักฐานที่พบสันนิษฐานว่า เนินนี้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ถึงสมัยทวารวดี

จากการพบแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ในเขตอำเภอบ่อทอง อำเภอพนัสนิคม อำเภอพานทอง จนถึงทางเหนือของอำเภอเมือง (ตำบลหัวร่อ) ปัจจุบันเป็นพื้นที่มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาตร์ กลุ่มแรกอาศัยอยู่ตามถ้ำและเพิงผา กลุ่มต่อมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตามเนินดิน ที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลน หรือป่าโกงกาง แล้วขยับลงมายังที่ราบ จากนั้นก็พัฒนาเป็นบ้านเมืองในสมัยประวัติศาสตร์
ยุคประวัติศาสตร์ก่อนสมัยสุโขทัย  ชุมชนที่พัฒนาเป็นบ้านเป็นเมืองในยุคแรก ๆ ของประวัติศาสตร์ในเขตจังหวัดชลบุรี ได้แก่ เมืองพระรถ เมืองพญาเร่ และ เมืองศรีพโล (ศรีพะโร)

เมืองพระรถ เป็นชุมชนเมืองโบราณ อยู่ที่บ้านหน้าพระธาตุ อำเภอพนัสนิคม อยู่ห่างจากตัวอำเภอพนัสนิคม มาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ ๑ กิโลเมตร ปัจจุบันถนนฉะเชิงเทรา - พนัสนิคม ตัดทับส่วนหนึ่งของกำแพงและคูเมืองด้านทิศตะวันออก

จากโบราณสถานและโบราณวัตถุที่พบ เชื่อว่าเมืองนี้เป็นเมืองในสมัยทวารวดี (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖) และเจริญสืบเนื่องมาจนถึงสมัยลพบุรี (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘)

โบราณสถาน  มีอยู่สองประเภทคือ ร่องรอยผังเมืองและศาสนสถาน ผังเมืองพระรถเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด ๑,๕๕๐ x ๘๕๐ เมตร กำแพงเมืองเป็นคันดินสองชั้นสูงจากพื้นดินประมาณสองศอกเศษ ห่างกันชั้นละห้าวา คูเมืองกว้างประมาณสามศอก

ศาสนสถานที่พบคือ เนินพระธาตุ ซึ่งอยู่ตอนหลังของตัวเมืองด้านตะวันตก เป็นเนินพระสถูปสี่เหลี่ยมก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ เป็นฐานสถูปแบบทวารวดี

ทางด้านเหนือของเนินพระธาตุมีเนินดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งอยู่ติดกับสระน้ำโบราณ ชาวบ้านเรียกว่า สระฆ้อง บนเนินนี้มีหินปักอยู่ตามมุมทิศสำคัญ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นฐานโบสถ์หรือวิหาร

โบราณวัตถุ ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา ทั้งชนิดเคลือบและไม่เคลือบกระจายอยู่ทั่วไป ชิ้นส่วนของเทวรูปพระนารายณ์ สวมหมวกแขก พระพุทธรูปแบบทวารวดีปางนาคปรก หินบดยา กังสดาลและแท่นพระพุทธรูปทำด้วยหินขนาดใหญ่

ส่วนโบราณวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ที่พบได้แก่ พระพุทธรูปสำริดแบบลพบุรี พระพุทธรูปศิลาแบบทวารวดี เป็นพระพุทธรูปปางประทับยืนเหนือตัวพนัศบดี (พนัสบดี เป็นสัตว์ที่มีส่วนผสมของครุฑ หงส์ และวัว คือมีปากเป็นครุฑ มีเขาเป็นวัว และมีปีกคล้ายหงส์ ซึ่งเป็นลักษณะที่รวมพาหนะของเทพเจ้าทั้งสามในศาสนาฮินดู)  พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านพบที่คูเมืองด้านใต้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกกันว่า พระพนัสบดี เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอพนัสนิคมโบราณวัตถุที่พบเกือบทั้งหมดเป็นศาสนวัตถุ มีอายุตั้งแต่สมัยทวารวดีมาถึงสมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๘)

เมืองพระรถ จัดว่าเป็นเมืองขนาดใหญ่สมัยทวารวดี ตั้งอยู่ระหว่างที่สูงและที่ลุ่มมาบรรจบกัน บริเวณรอบเมืองเป็นพื้นที่เหมาะแก่การเพาะปลูกข้าวแบบทดน้ำ มีลำน้ำไหลผ่านหลายสาย ลำน้ำที่ไหลผ่านเข้ามาในเขตเมืองพระรถ ได้แก่ คลองสระกลาง คลองหลวง คลองพานทอง คลองสระกลางไหลมาทางด้านทิศใต้ ผ่านตัวอำเภอพนัสนิคมและวัดเกาะแก้ว มายังคูเมืองพระรถด้านตะวันออกเรียกว่า คลองเมือง ดังนั้นเมืองนี้จึงมีสภาพเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมท้องถิ่น เพราะมีลำน้ำต่าง ๆ เชื่อมต่อกับชุมชนร่วมสมัยอื่น ๆ เช่นเมืองศรีมโหสถ เมืองพญาเร่ เมืองศรีพโล

เมืองพญาเร่ (พญาเล่ห์)  อยู่ในเขตตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง เป็นเมืองสมัยทวารวดี ตั้งอยู่ในเขตที่สูง ห่างจากเมืองพระรถประมาณ ๓๒ กิโลเมตร

โบราณสถาน  มีเพียงร่องรอยผังเมือง เป็นรูปรีสองชั้น ชั้นในมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๖๐๐ เมตร ชั้นนอกประมาณ ๑,๑๐๐ เมตร คูเมืองและคันดินของตัวเมืองชั้นนอกทางด้านเหนือยังเห็นได้ชัดเจน ส่วนด้านอื่นลบเลือนไปมากแล้ว ส่วนเมืองชั้นในยังอยู่ในสภาพดี กำแพงเมืองที่เหลืออยู่สูงประมาณ ๑ เมตร จากระดับคูน้ำ คูเมืองตอนกว้างสุด กว้างประมาณ ๑๑ เมตร ภายในเมืองไม่พบโคกเนินที่เป็นศาสนสถาน

โบราณวัตถุ พบเพียงเศษเครื่องปั้นดินเผาเล็กน้อย เคยมีผู้พบกำไลสำริด และหม้อดินเผา มีผู้สันนิษฐานว่า เมืองนี้อาจไม่ใช่เมืองที่มีการอยู่อาศัยต่อเนื่องหลายสมัยอย่างเมืองพระรถ อาจเป็นเมืองชั่วคราว หรือเมืองบนเส้นทางติดต่อทางบก ระหว่างชลบุรีกับระยองในสมัยโบราณ

เมืองศรีพโล (ศรีพะโร)  เป็นเมืองท่าอยู่บนเส้นทางเดินทะเล ตั้งอยู่ที่บ้านศรีพโล ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมือง ตัวเมืองตั้งอยู่บนเขาดิน ก่อนจะข้ามไปเขาบางทรายทางตะวันออกเฉียงใต้ ด้านตะวันตกและด้านเหนือของเมือง ติดต่อกับที่ราบลุ่มชื้นแฉะริมทะเล เป็นขอบของอ่าวบางปะกง โบราณสถาน กำแพงเมือง ซึ่งเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๘๒ ยังปรากฎเห็นอยู่และถูกทำลายไปเมื่อมีการสร้างถนนสุขุมวิท และการสร้างสนามกีฬาประจำเมืองชลบุรี กล่าวกันว่าเมืองนี้มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม เคยมีกำแพงดินสูงจากพื้นดินประมาณ ๓ เมตร โอบรอบ ไม่มีคูน้ำ เพราะตัวเมืองตั้งอยู่บนที่สูง โบราณวัตถุ ที่พบได้แก่เครื่องปั้นดินเผา ทั้งชนิดเคลือบและไม่เคลือบ มีเศษเครื่องปั้นดินเผาชนิดเคลือบของสุโขทัยปะปนอยู่ กับเครื่องปั้นดินเผาแบบจีนสมัยราชวงศ์เหม็ง (เคลือบสีน้ำเงินขาว) ที่วัดศรีพโล ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลเป็นบริเวณที่พบเครื่องปั้นดินเผาเป็นจำนวนมาก เช่น กระปุกถ้วยชามเคลือบแบบสุโขทัย แบบจีนสมัยราชวงศ์เหม็ง ตุ๊กตาเคลือบสมัยสุโขทัย เครื่องประดับหลังคาเคลือบ กระเบื้องดินเผาเชิงชายหลังคา ทำเป็นรูปเทพพนมอยู่ในซุ้มเรือนแก้วแบบอยุธยา  กำไลสำริด แม่พิมพ์ พระพุทธรูปดินเผาแบบอู่ทอง พระพุทธรูปเนื้อชินปางลีลา เต้าปูนสำริด เศษหม้อทะนนมีลวดลายประดับ ชามเคลือบบาง ๆ ของญวน แบบที่พบในเรือที่จมอยู่ในอ่าวไทย และยังพบขวานหินขัดอีกอันหนึ่งบริเวณวัดศรีพโลคาดว่าจะเคยมีวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาขึ้นไปตั้งอยู่ เพราะพบเศษปูน ใบเสมาหินทรายที่ปักเขตโบสถ์เหลืออยู่

จากโบราณวัตถุที่พบเมืองนี้น่าจะมีความรุ่งเรืองอยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น ประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐ จากตำแหน่งที่ตั้งของเมืองและโบราณวัตถุที่พบ เข้าใจว่าเมืองนี้คงเป็นชุมชนเมืองที่เกี่ยวกับการค้า เป็นที่จอดพักเรือสินค้าแถบอ่าวบางปะกง มีเรือค้าขายจากจีน เวียดนาม และกัมพูชา มาจอดพักก่อนเดินทางต่อไป

ชุมชนโบราณริมฝั่งทะเลในเขตจังหวัดชลบุรีที่ปรากฎชื่อในแผนที่ไตรภูมิ สมัยอยุธยามีอยู่สี่ชุมชนคือ บางทราย บางปลาสร้อย บางพระเรือ และบางละมุง ชุมชนบางทรายคือชุมชนเมืองศรีพโล และก็คือเมืองชลบุรี ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นขึ้นไป (พุทธศตวรรษที่ ๑๙)

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด

    ตราประจำจังหวัด

ภูเขา หมายถึง เขาสามมุข ซึ่งเป็นที่ตั้งศาลเจ้าแม่สามมุขอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวชลบุรี ตลอดถึงประชาชนทั่วไป ที่เคยเดินทางไปมาแถบนั้น เชื่อถือว่า ศาลเจ้าแม่สามมุข สามารถให้ความคุ้มครองชาวชลบุรี และผู้ที่เคารพกราบไหว้ให้พ้นจากภยันตรายต่างๆ ได้ โดยเฉพาะการออกไปประกอบอาชีพจับปลาในท้องทะเล เขาสามมุขจึงเป็นสถานที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของชลบุรี


20 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดชลบุรี

     ชลบุรี  เมืองแห่งการท่องเที่ยวระดับโลกที่หลากหลายเกินใจคิด เดินทางไปเยี่ยมเยือนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัด วัง ดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติ ผืนไพร และสัตว์ป่า ใครชื่นชอบกิจกรรมสนุกๆที่นี่ก็มีพร้อม หรือจะปล่อยใจไปกับโชว์สุดอลังการระดับโลก และเดินช็อปปิ้งสุดสนุก มีเพียงชลบุรีเท่านั้นที่จะพาคุณไปพบประสบการณ์ทั้งหมดนั้นได้


1.  วัดใหญ่อินทาราม

วัดใหญ่อินทาราม  เดิมชื่อ “วัดหลวง” เป็นวัดสำคัญเก่าแก่คู่เมืองชลบุรี  สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย  ในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครูที่งดงามมาก  สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์  ทรงตรัสชมว่า  “ฝีมืองามมาก  อย่าให้ซ่อมแซมเป็นอันขาด”  โดยเฉพะภาพจิตรกรรมฝาผนังเหนือขอบหน้าต่างเป็นภาพเทพชุมนุม  ส่วนที่ผนังสองด้านเขียนเรื่องทศชาติชาดก  พระเวสสันดรชาดก  และยังมีพลับพลาตรีมุข  สร้างด้วยไม้ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสำริดทรงเครื่องกษัตริย์  เรียกกันว่า “หลวงพ่อ เฉย”  ถ้าเป็นไปได้  ควรไปเที่ยวชมวัดนี้ในวันพระ  เพราะถ้าเป็นวันธรรมดา  ต้องติดต่อขอกุญแจโบสถ์จากเจ้าอาวาส  นอกจากนี้ยังมีพระนักวิชาการพานำชมและอธิบายให้ความรู้ด้วย

ที่ตั้ง : อยู่กลางเมืองชลบุรี  จากถนนสุขุมวิท  เลี้ยวเข้าตัวเมืองชลฯ  ที่สี่แยกเฉลิมไทย  เข้าสู่ถนนโพธิ์ทอง  แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจตน์จำนงค์  วัดอยู่ทางด้านซ้ายมือ  ก่อนถึงสี่แยกตัดกับถนนอัครนิวาส (สี่แยกท่าเกวียน)  หน้าวัดมีลานจอดรถกว้างขวาง
การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว  สามารถขึ้นรถสองแถวสายรอบเมืองชลบุรีได้
เวลาทำการ : เที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลาประมาณ  08.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : โทร. 0-3827-5844


2.  หาดบางแสน

หาดบางแสน  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยมาช้านาน  มีถนนตัดเลียบหาดเคียงคู่ไปกับทิวมะพร้าว   ถัดเข้าไปมีร้านอาหาร  ร้านขายของที่ระลึก  และที่พักเรียงรายอยู่จำนวนมาก  นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์ทะเลกันบนเก้าอี้ผ้าใบบนชายหาด  พร้อมมีบริการห่วงยางให้เช่าว่ายน้ำ  มีเรือบานาน่าโบ๊ต  จักรยานให้เช่า  และห้องอาบน้ำจืด  ทุกวันหยุดหาดบางแสนจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว  เนื่องจากเป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด  จึงสามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับได้

บางแสนเริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486  จนถูกขนานนามว่า “บางแสนดินแดนสุขี”  มีผู้เดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก  จนครั้งหนึ่งบางแสนเคยทรุดโทรม  ผิดกับปัจจุบันที่ได้รับการดูแลจัดระเบียบอย่างดี  จึงกลายเป็นชายหาดที่สะอาด  น่าเที่ยวในทุกฤดูกาล  โดยหาดบางแสนนี้มีความยาวต่อเนื่องกันถึง 4.5 กิโลเมตร  แบ่งออกเป็น 3 ส่วน  คือ  หาดบางแสน  เป็นช่วงกลางของหาดและเป็นจุดที่นิยมลงเล่นน้ำกัน  ถัดมาคือ  แหลมแท่น  เป็นช่วงเหนือสุดของหาด  มีโขดหินสวยงาม  ลงเล่นน้ำไม่ได้  และส่วนสุดท้ายคือ  หาดวอนนภา  เป็นชายหาดตอนใต้สุด  บรรยากาศเงียบสงบ  มีหมู่บ้านประมงพื้นถิ่นเล็กๆ กระจายอยู่ห่างๆ กัน

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 14 กิโลเมตร  ที่ตำบลแสนสุข  แยกขวาจากถนนสุขุมวิท   ตรงหลัก กม. 104 เข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว  สามารถขึ้นรถสองแถวได้ที่ตลาดหนองมนเข้าสู่หาดบางแสน  มีรถวิ่งตลอดวัน
เวลาทำการ :  เที่ยวชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


3.  เขาสามมุข

เขาสามมุข  เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงควบคู่กับหาดบางแสน  เป็นทั้งที่ตั้งของศาลเจ้าแม่สามมุขอันศักดิ์สิทธิ์  และเป็นจุดชมวิบนยอดเขาสูงที่มีฝูงลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเล่นน้ำที่หาดบางแสน  ก่อนกลับบ้าน  มักจะแวะเที่ยวที่นี่เช่นกัน  อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่มีร้านอาหารทะเลอร่อยๆอยู่หลายร้าน

ศาลเจ้าแม่สามมุข  เป็นศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ภายใต้หลืบผาหิน  บริเวณเชิงเขาสามมุขด้านทิศเหนือหันหน้าออกสู่ทะเล  โดยย้ายมาจากบริเวณด้านตะวันตกของเขาสามมุข  ศาลแห่งนี้มักมีผู้คนแวะมากราบไหว้ขอพร  และบนบานกันอยู่เสมอ  โดยผู้ที่ได้รับผลสำเร็จตามคำขอจะแก้บนโดยการจุดประทัด  และซื้อสร้อยมุขมาถวายแด่รูปปั้นเจ้าแม่  นับเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวจีน  ฮ่องกง  และไต้หวัน  นิยมปฏิบัติกันมาก  ชั้นบนของศาลเจ้าแม่ฯ เป็นวิหารพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ให้สักการะ  บริเวณหน้าวิหารมีระเบียงชมวิวทะเลด้วย

จุดเด่นอีกอย่าง คือ  ฝูงลิงป่า  ที่อาศัยอยู่บนเขาหินลูกนี้มาแต่เดิม  พวกมันมักจะออกมาอวดโฉมเพื่อขออาหารกันอยู่ตลอดวัน  ลิงป่าที่นี่มีจำนวนนับพันตัว  และบางตัวค่อนข้างดุ  จึงต้องระวังด้านความปลอดภัยด้วย

ที่ตั้ง : อยู่บริเวณแหลมสามมุข  จากอ่างศิลาไปตามทางหลวงหมายเลข 3134 อีกราว 3 กิโลเมตร  พบป้ายบอกทางไปเขาสามมุข  เลี้ยวขวาไปตามป้ายอีก 1 กิโลเมตร  จนถึงศาลเจ้าแม่สามมุข  หรือถ้ามาจากหาดบางแสน  ใช้ถนนเส้นเลียบหาดมุ่งตรงสู่แหลมแท่น  จะมีป้ายบอกทางไปตลอด  ห่างจากหาดบางแสนราวๆ 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : เขาสามมุขไม่มีรถสองแถวผ่าน  จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก  หรือไม่ต้องเช่ารถสองแถวจากตลาดหนองมนให้ไปส่ง  แล้วรอรับกลับก็ได้
เวลาทำการ : เขาสามมุขเป็นพื้นที่สาธารณะ  จึงผ่านไปชมได้ตลอดเวลา  แต่กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว  นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนและกราบไหว้ศาลเจ้าแม่สามมุขในเวลากลางวัน จนถึงเวลาประมาณ 18.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


4.  สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

สวนสัตว์เปิดเขาเขียว  เป็นป่าแห่งเดียวของชลบุรี  ดำเนินงานโดยองค์การสวนสัตว์   
นักท่องเที่ยวจะได้ชมสัตว์มากถึง 300 ชนิด  ทั้งสัตว์ของไทยและจากต่างประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นช้าง  กระทิง  วัวแดง  ฮิปโปโปเตมัส  ชะนี  ค่าง  ลิงลม (นางอาย)  ม้าลาย  ยีราฟ  นกกระจอกเทศ  ไฮยีน่า  เสือ  สิงโต  กวางดาว  ละมั่ง  แพะภูเขา  เลียงผา  หมี  นกยูง  นกกระเรียน  นกเงือก  ฯลฯ  ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติเหมาะแก่อุปนิสัยของสัตว์นั้นๆ  และสามารถให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด  แต่ก็ยังมีบางส่วนอยู่ในกรงเพื่อกันการหลบหนี  และเพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเอง

สวนสัตว์เปิดเขาเขียวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517  โดยฟื้นฟูสภาพป่าเขาเขียวที่เสื่อมโทรมขึ้นมาใหม่  จากนั้นได้นำสัตว์บางส่วนจากสวนสัตว์ดุสิตมาปล่อยเลี้ยงไว้ตามสภาพธรรมชาติ  แล้วเริ่มเปิดให้คนเข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2521  ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่  นับเป็นสวนสัตว์เปิดที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก  แบ่งออกเป็นส่วนวิจัยและศึกษาพันธุ์สัตว์ป่าหายาก   สวนสัตว์เปิด  และส่วนบริการ

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ  “สวนนก”  ซึ่งสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยตาข่าย  กินพื้นที่ถึง 5 ไร่   ภายในมีเส้นทางเดินขึ้นไปเนินเขา  แล้ววนกลับลงมา  ที่นี่มีนกหลายชนิดส่งเสียงร้องและบินไปมาอยู่ทั่วสวน  อาทิ  นกฟลามิงโก้  นกเขียวคราม  นกกางเขนดง  นกแต้วแล้ว  นกขมิ้น  ไก่ฟ้า  เป็ดก่า  และอื่นๆ  นอกจากนี้ทุกวันยังมีการจัดกิจกรรมชมสัตว์ในเวลากลางคืน  (Night Safari)  แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย

ที่ตั้ง : บริเวณเชิงเขาเขียว  ห่างจากตัวเมืองศรีราชาเข้าไป 25 กิโลเมตร
การเดินทาง :
-รถยนต์ส่วนตัว  จากถนนสุขุมวิทบริเวณตลาดบางพระ  เดินทางไปตามป้ายบอกทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว  ที่มีอยู่อย่างชัดเจนเป็นระยะๆ  ถนนจะลัดเลาะไปตามขอบอ่างเก็บน้ำบางพระ  ผ่านสนามกอล์ฟบางพระ  ขึ้นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-พัทยา)  จากนั้นตรงต่อไปอีก 7 กิโลเมตร  จนถึงปากทางเข้าสวนสัตว์ฯ  สามารถขับรถวนภายในสวนสัตว์  และจอดแวะชมตามจุดต่างๆได้โดยสะดวก
-รถสองแถว  คิวอยู่ในถนนไปอ่างเก็บน้ำบางพระ  ตรงข้ามศาลเจ้า  จะรอให้คนเต็มหรือจะเหมาไปก็ได้
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น.  ส่วนบริการ Night Safari มี 2 รอบ  คือเวลา 19.00 น. และ 20.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท  ชาวต่างชาติ  300 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-8270, 0-3829-8195 
โทรสาร. 0-3829-8272  
เว็บไซต์  http://www.kkpenzoo.com/, http://www.zoothailand.com/


5.  พัทยา

พัทยา  เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ  และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก  โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ  จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเริ่มจากทหารอเมริกันได้แวะขึ้นฝั่ง  แล้วเช่าบ้านพักตากอากาศที่พัทยาเป็นประจำทุกสัปดาห์  ต่อมาพัทยาจึงได้พัฒนาขึ้นจากหมู่บ้านชายทะเลอันเงียบสงบ  กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศระดับนานาชาติดังที่ปรากฏในปัจจุบัน

หาดพัทยา  เป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่องประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ  โดยแบ่งเป็นพัทยาเหนือ  พัทยากลาง  และพัทยาใต้  โดยที่หาดพัทยาใต้นั้นถือเป็นศูนย์รวมความเจริญและแสงสี  ยามค่ำคืนมีการปิดถนนเป็น Walking Street ให้นักท่องเที่ยวเดินช็อปปิ้งได้โดยสะดวก  ส่วนบริเวณชายหาดก็ร่มรื่น  แถวๆหาดพัทยาเหนือเป็นบริเวณที่สงบกว่าส่วนอื่น  นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวนิยมไปเล่นน้ำพักผ่อน  หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ  ส่วนชายหาดพัทยากลางไปถึงพัทยาใต้จะคึกคักคับคั่งกว่า  เพราะเป็นย่านธุกิจ  ร้านค้า  โรงแรม  ห้างสรรพสินค้า  ร้านขายของที่ระลึก  และแหล่งบันเทิงครบวงจร

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชลบุรีประมาณ 50 กิโลเมตร  และห่างจากกรุงเทพฯ 140 กิโลเมตร  ช่วงระหว่างอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ
การเดินทาง :
-รถยนต์ส่วนตัว  จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขุมวิทเข้าสู่เมืองพัทยา  มี 3 เส้นทางหลัก  ได้แก่  สุขุมวิท-พัทยาเหนือ (หลัก กม. 144) สุขุมวิท-พัทยากลาง (หลัก กม. 145-156) และสุขุมวิท-พัทยาใต้ (หลัก กม. 147)  ทั้งสามสายจะไปพบกันที่ถนนเลียบหาดพัทยา  โดยถนนที่ใช้ท่องเที่ยวย่านเมืองพัทยา  คือ  ถนนนาเกลือ  ผ่านหาดวงอำมาตย์  ปราสาทสัจธรรม  ถนนเลียบชายหาด  เป็นวันเวย์ผ่านพัทยาเหนือ  พัทยากลาง  และพัทยาใต้  ถนนพัทยาสาย 2  จะผ่านแหล่งบันเทิง  ที่กิน  ที่พักมากมาย  ถนนเขาพระบาท  เป็นทางไปเที่ยวชมวิวบนเขาพระบาทและต่อไปยังหาดจอมเทียนได้  หรือจากกรุงเทพฯใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (Motorway) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา  เริ่มต้นจากด่านพระราม 9 ไปออกที่อำเภอบางละมุง  แล้วตรงสู่พัทยา  ระยะทาง 124 กิโลเมตร
-รถโดยสารประจำทาง  จากกรุงเทพฯ ขึ้นได้ที่สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย)  และสถานีขนส่งหมอชิตใหม่  มีรถออกตลอดวัน 
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2391-2504, 0-231-9829 
หรือติดต่อบริษัทรุ่งเรืองโค้ช  จำกัด โทร. 0-2271-2962
-รถไฟ  มีสายกรุงเทพฯ-พัทยา-พลูตาหลวง  ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง วันละ 1 เที่ยว เวลา 06.55 น. ถึงสถานีพัทยาเวลา 10.45 น. (รวมเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 40 นาที)  สถานีรถไฟพัทยาอยู่นอกเมืองพัทยาเยื้องกับทางเข้าถนนพัทยานอก 
โทร. 1690, 0-2223-7010, 0-2223-7020
ติดต่อ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  ภาคกลาง  เขต 3
โทร. 0-3842-7667, 0-3842-8750 
เว็บไซต์  http://www.tat.or.th/, http://www.pattaya.com/, http://www.welcometopattaya.com/


6.  สวนเสือศรีราชา

สวนเสือศรีราชา (Sriracha Tiger Zoo)  เป็นสถานที่จัดแสดงเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลกว่า 200 ตัว  รวมทั้งยังมีจระเข้อีกกว่า 100,000 ตัว  และสัตว์อื่นๆอีกนานาชนิด  นักท่องเที่ยวจะได้ชมการอยู่ร่วมกันของเสือกับหมูและสุนัข  มีการแสดงจับจระเข้  การแสดงหมูวิ่งแข่ง  ราชินีแมงป่อง  ฯลฯ  สวนเสือศรีราชาจัดตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า 250 ไร่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2540 โดยดำเนินงานอย่างมีมาตรฐานเพื่อพัฒนาพันธุ์สัตว์  อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และนันทนาการ   พร้อมให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ โชว์ละครสัตว์ “Amazing Circus” เป็นการแสดงความสามารถของสัตว์  ประกอบด้วยการแสดงของเสือโคร่ง  หมี  ลิงชิมแพนซี  โจ๊กเกอร์โชว์  ชมความสามารถของเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลที่สามารถลอดบ่วงไฟ  เดินบนสะพานเชือก  ทำตามคำสั่งของครูฝึก  และอีกหลายความสามารถ  โดยโรงละครสัตว์นี้สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 1,500 คน

ที่ตั้ง : เลขที่ 341 หมู่ 3 กม. 20  ทางหลวงสาย 7 (ชลบุรี-พัทยาสายใหม่)  ตำบลหนองขาม  อำเภอศรีราชา 
การเดินทาง : อยู่ห่างจากตลาดศรีราชา (ทางไปโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา)  ไปตามทางหลวงหมายเลข 3241 ประมาณ 10 กิโลเมตร
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก  50 บาท  ชาวต่างชาติ  ผู้ใหญ่ 250 บาท  เด็ก 150 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-6556-8, 0-293-47841, 0-2934-6259 
โทรสาร  0-3829-6559 
เว็บไซต์  http://www.tigerzoo.com/


7.  เกาะสีชัง

เกาะสีชัง เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี  เป็นที่จอดเรือสินค้านานาชาติ  และเป็นเกาะน่าท่องเที่ยวในบรรยากาศท้องถิ่น  ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้  ชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ  และเป็นพื้นที่ตั้งท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง)  รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็ปไปสู่จุดท่องเที่ยวต่างๆ บนเกาะ

จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะสีชัง  ได้แก่

ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ  ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ  ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน  ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย  ภายในมีศาลเจ้าพ่อเฮ่งเจีย  ศาลเจ้าแม่กวนอิม  วิหารพระสังกัจจายน์  ฯลฯ  ช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีผู้คนมาบวงสรวงกันอย่างเนืองแน่น  เชื่อกันว่าถ้าใครได้มาไหว้ครบ 3 ครั้งใน 3 ปี จะร่ำรวย  จากบริเวณศาลสามารถมองเห็นทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้อย่างชัดเจน

รอยพระพุทธบาท  อยู่บนยอดเขาเหนือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่  จำลองขึ้นจากรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช  เมื่อปี พ.ศ. 500  มีความยาวศอกเศษ  ทำจากหินชนวน  สมเด็จฯ  กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนำมาจากวัดพุทธคยา  ประเทศอินเดีย  แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนยอดเขา  นอกจากนี้ยังมีพระบรมสารีริกธาตุให้สักการบูชาอีกด้วย  จุดชมวิวยอดเขาพระพุทธบาทสามารถชมอาทิตย์อัสดงได้งดงามมาก  เพราะจะมองเห็นตัวเกาะสีชังทั้งเกาะ  รวมถึงเกาะขามใหญ่  และทัศนียภาพทะเลโดยรอบ

ช่องเขาขาด และหาดหินกลม  ตั้งอยู่ด้านหลังเกาะ  ชาวบ้านจึงเรียกกันติดป่าว่า  “หลังเกาะ” หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา  ในบริเวณนี้มีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์  ซึ่งมองเห็นพระอาทิตย์อัสดงได้อย่างงดงาม  นอกจากนี้ยังมีหาดหินกลมที่เต็มไปด้วยก้อนหินขนาดต่างๆมากมาย ในอดีตหาดหินกลมเคยเป็นสถานที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5

ศิลาจารึก  ตั้งอยู่ข้างสนามฟุตบอลโรงเรียนเกาะสีชัง  เป็นแผ่นหินขนาดใหญ่จารึกเรื่องการสร้างพระราชฐานบนเกาะสีชัง

เก๋งจีน  ลักษณะเป็นศาลาโบราณ  มีรูปมังกรและนกยูงประดับอยู่ตามยอด  เคยเป็นที่ประทับชั่วคราวของรัชกาลที่ 5 ครั้งพระองค์เสด็จประพาส  ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่  จนกลับคืนความงามดังเดิม

พระจุฑาธุชราชฐาน  อยู่ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ  สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับฤดูร้อน  ภายในบริเวณมีภูมิทัศน์สวยงาม  ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง  ถัดขึ้นไปเป็นตึกวัฒนา  พระตำหนักทรงปั้นหยา  เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง  ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม  ตึกเขียว (เรือนมรกตสุทธิ์)  ตึกอภิรมย์  และวัดอัษฎางค์นิมิตบนยอดเขา  ซึ่งก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก  ส่วนพระราชวังทำด้วยไม้สักได้รื้อไปก่อสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆที่กรุงเทพฯ

หาดเขาถ้ำพัง  อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ  เป็นชายหาดกว้าง  สะอาด  และสวยงาม  เม็ดทรายละเอียด  น้ำใสสะอาดเหมาะแก่การลงเล่นน้ำ

วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร  เป็นพระอารามหลวงซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2435  เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จฯ  เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก  ในวาระที่ประสูติ ณ เกาะสีชัง  วัดนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคยาศิระ  มีโบสถ์  หอระฆัง  พระพุทธบาทจำลอง  และพระประธานปางมารวิชัยที่งดงาม

ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลอำเภอศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร
การเดินทาง : เดินทางโดยเรือเมล์จากศรีราชา  ใช้เวลาประมาณ 45 นาที  โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือจรินทร์  ถนนเจิมจอมพลในอำเภอศรีราชา  มีเรือโดยสารไปเกาะสีชังทุกวัน  ระหว่างเวลา 07.00-20.00 น.  ออกทุกๆชั่วโมง  อัตราค่าโดยสาร  คนละ 20 บาท  และจากเกาะสีชังกลับเข้าฝั่งศรีราชา  มีเรือวิ่งตั้งแต่ 06.00-18.00 น. มีเรือออกทุกๆชั่วโมง  สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เรือสีชังพาเลซ  โทร. 0-3821-6276-82  และเรือแสงประทีปบริการ  โทร. 0-3831-3687
เวลาทำการ : สามารถเที่ยวชมได้ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


8.  Underwater World พัทยา

อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  (Underwater World Pattaya)  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งทำให้ผู้มาเยือนเหมือนกับได้เดินทางดำดิ่งลงสู่โลกใต้ทะเล  โดยเริ่มจากชายฝั่งอันเป็นหาดทรายและแก่งหิน  ลงลึกไปยังดงปะการังสีสันสดใส  จนถึงท้องทะเลลึก  นักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมในอุโมงค์ซึ่งสร้างเป็นทางลอดไปในอะควาเรียมขนาดใหญ่  ที่จำลองสภาพแวดล้อมธรรมชาติใต้ทะเลไว้อย่างสวยงามและใกล้ชิด

อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2546  ในเนื้อที่ 12 ไร่  และมีสัตว์น้ำมากกว่า 4,500 ตัว  จาก 200 กว่าชนิด  โดยจัดแสดงสัตว์น้ำไว้ในอาคารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ  มีการสร้างเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวมากกว่า 100 เมตร  นับเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวที่สุดของเอเชีย  มีสัตว์ทะเลหลายชนิดจัดแสดง  ตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างปลาการ์ตูน  ม้าน้ำ  ไปจนถึงสัตว์อย่างฉลาม  กระเบนขนาดใหญ่  และนากเล็กเล็บสั้น  เป็นต้น  นอกจากนี้ยังมีบ่อสัมผัส (Touch Pool)  ให้นักท่องเที่ยวจุ่มมือลงไปสัมผัสสัตว์ทะเลที่มีนิสัยเป็นมิตรบางชนิดได้อย่างปลอดภัย  อาทิ  ปลาดาว  ฉลามกบ  ฯลฯ

ที่ตั้ง : เลขที่ 22/22  หมู่ 11 หลัก กม. 151 ริมถนนสุขุมวิท  ตำบลหนองปรือ 
อำเภอบางละมุง (ช่วงจอมเทียน)
การเดินทาง : อันเดอร์วอเตอร์  เวิลด์  พัทยา  ตั้งอยู่ริมถนน  สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก  ทั้งรถยนต์ส่วนตัว  และรถโดยสารประจำทาง
เวลาทำการ : 09.00-18.00 น.  ทุกวัน  (เปิดรับนักท่องเที่ยวชุดสุดท้าย 17.30 น.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 180 บาท  เด็ก  120 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3875-6876-9  โทรสาร  0-3875-6875 
เว็บไซต์  http://www.underwaterworldpattaya.com/


9.  ปราสาทสัจธรรม

ปราสาทสัจธรรม (Sanctuary of Truth)  ตั้งอยู่  ณ บริเวณอ่าววงพระจันทร์  แหลมราชเวช   ตำบลนาเกลือ  ในเนื้อที่  80 ไร่  งดงามด้วย  “สถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก”  ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า  “วังโบราณ”   บ้างก็เรียกตามวัสดุของตัวอาคารว่า “ปราสาทไม้”  แต่เจ้าของความคิดและผู้ดำเนินการก่อสร้าง  คือ  คุณเล็ก วิริยะพันธุ์  (ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ  จังหวัดสมุทรปราการ)  เรียกอาคารแห่งนี้ว่า  “ปราสาทสัจธรรม” 
ปราสาทสัจธรรมเริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ. 2524  จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง  ไม่มีโลหะหรือปูนเข้ามาปะปน ยกเว้นส่วนฐานที่เป็นคอนกรีต  มีการใช้ระบบเข้าเดือยไม้แบบไทย  หรือใส่สลักไม้ตามภูมิปัญญาโบราณ  ตัวปราสาทเป็นทรงจัตุรมุข  สูง 100 เมตร  กว้าง 100 เมตร  แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรพิสดาร   ทั้งภายนอกและภายใน  กล่าวกันว่างามดั่งเทพนฤมิต  สะท้อนแนวคิดนามธรรมออกมาตีแผ่เป็นรูปธรรมให้สัมผัสได้    สื่อถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาตะวันออก

ที่ตั้ง : เลขที่ 206/2  หมู่ 5 แหลมราชเวช  อ่าววงพระจันทร์  ตำบลนาเกลือ  อำเภอบางละมุง  ห่างจากพัทยาใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : ทางเข้าอยู่บริเวณซอยนาเกลือ 12 ตรงเข้าไปจนเกือบสุดซอย  มีซุ้มประตูขนาดใหญ่ของปราสาทสัจธรรมอยู่ทางขวามือ 
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม :  ผู้ใหญ่  500 บาท  เด็ก  250 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3836-7815, 0-3836-7229, 0-3822-5407
เว็บไซต์   http://www.sanctuaryoftruth.com/


10. สวนนงนุช

สวนนงนุช  (Nong Nooch Tropical Botanical Garden) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่  ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด  เช่น  สวนกล้วยไม้  เฟิน  สับปะรดสี  สวนไม้พุ่มไม้ดัด  สวนปาล์มจากทั่วทุกมุมโลก  สวนตะบองเพชรและไม้อวบน้ำ   สวนบอนไซ  สวนเฟื่องฟ้า  สวนโมก  สวนน้ำพุ   สวนหิน  สวนฝรั่ง  สวนผีเสื้อ  สวนรถไฟจำลอง  สโตนเฮนจ์  ฯลฯ  พร้อมที่พักเป็นเรือนไม้สักทรงไทย  มีห้องประชุมสัมมนา  สวนสัตว์  และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย  ประกอบด้วยการฟ้อนรำพื้นเมือง  ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว   กีฬาพื้นบ้าน  และการแสดงของช้าง

เดิมพื้นที่สวนนงนุชเคยเป็นสวนผลไม้มาก่อน  กระทั่งปี พ.ศ. 2497  คุณพิสิทธิ์และคุณนงนุช  ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้ไว้  แล้วจัดเป็นสวนให้ประชาชนเข้าชม  โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันนี้สวนนงนุชกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คน

ที่ตั้ง : เลขที่ 34/1 หมู่ 7 นาจอมเทียน  อำเภอสัตหีบ 
การเดินทาง : อยู่ห่างจากปากทางเข้าพัทยาใต้ 18 กิโลเมตร  โดยแยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท 
บริเวณ กม. 163 เข้าไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท   ชาวต่างชาติ 200 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3870-9358-61, 0-3823-8158, 0-384-29321 
โทรสาร 0-3823-8160
สำนักงานกรุงเทพฯ  โทร. 0-2252-1768, 0-2251-2161 
โทรสาร  0-2252-9975
เว็บไซต์  http://www.nongnoochtropicalgarden.com/


11. เกาะล้าน

 เกาะล้าน  เป็นเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานหลายสิบปีแล้ว  เนื่องจากอยู่ใกล้กับพัทยา   จึงเดินทางถึงกันได้โดยสะดวก  ตัวเกาะล้านมีความยาว   5 กิโลเมตร  กว้าง 2 กิโลเมตร  มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง  ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ  ดูปะการัง  เล่นกีฬาทางน้ำ  เช่น  เรือลากร่ม (พาราเซลลิ่ง)  เรือสกี  สกู๊ดเตอร์  โดยเฉพาะที่หาดตาแหวน  หาดทองหลาง  หาดนวล  และหาดเทียน  ส่วนหาดแสมบรรยากาศเงียบสงบกว่าหาดอื่น  บริเวณเกาะล้านและเกาะเล็กๆโดยรอบ  อย่างเกาะครก-เกาะสาก  เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง  ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก  รวมทั้งยังเป็นสถานที่ฝึกเรียนดำน้ำ  และแหล่งตกปลาที่สำคัญ

จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะล้าน  ได้แก่
ท่าหน้าบ้าน  เป็นท่าเรือของชุมชนเกาะล้าน  ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือเมล์จะไปถึง  เมื่อมองย้อนกลับไปยังฝั่งจะเห็นเมืองพัทยาและหาดจอมเทียนที่มีตึกสูงเรียงรายตลอดแนวชายฝั่ง  นับเป็นจุดชมเมืองพัทยาที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง

หาดแสม  เป็นหาดทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาวประมาณ 800 เมตร  เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังที่ดี 
ในอดีตเคยมีการพบแร่ทองคำและเป็นที่มาของชื่อแหลมทอง  ทางหัวหาดด้านเหนือมีศาลเจ้าแม่แหลมทองที่ชาวเกาะล้านเคารพสักการะ

หาดเทียน  อยู่ด้านเหนือของแหลมทอง  ชายหาดหันหน้าตรงหัวเกาะไผ่  ตัวหาดทรายขาวยาว 500 เมตร  ริมหาดมีต้นไม้ร่มรื่น  และเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สวยงาม

หาดตาแหวน  เป็นหาดที่มีความสวยงาม  ทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาว 800 เมตร  น้ำใส  คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวและเครื่องเล่นทางน้ำ  เป็นจุดหลักของกรุ๊ปทัวร์ที่มาลงเล่นน้ำและกินอาหาร  ไม่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักสงบ  ถ้าสนใจควรหาโอกาสไปเที่ยวหลัง 16.00 น.  เมื่อกรุ๊ปทัวร์เดินทางกลับหมดแล้ว

หาดทองหลาง  อยู่ต่อเนื่องกับหาดตาแหวนทางด้านทิศเหนือ  โดยมีแหลมหินคั่นอยู่  แต่ทางรถยนต์ต้องเข้าคนละเส้นทางกัน  บรรยากาศของหาดนี้มักคึกคักไปด้วยกรุ๊ปทัวร์คล้ายหาดตาแหวน  แต่เบาบางกว่า  ชายหาดมีความยาวประมาณ 500 เมตร

หาดสังวาล  เป็นชายหาดเล็กๆ  ยาวเพียง 150 เมตร  มีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำใส  เหนือชายหาดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่  นับเป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับคนรักสงบอย่างแท้จริง

หาดนวล  อยู่ในส่วนใต้สุดของเกาะล้าน  ตัวหาดยาวประมาณ 350 เมตร  ทรายไม่ขาวสวยเหมือนหาดอื่น  แต่เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ดี  และเป็นบริเวณที่พบแร่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะล้านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลชนิดหนึ่ง  นิยมนำมาทำเครื่องรางพกติดตัว  เพื่อให้แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ

เกาะสาก-เกาะครก  เกาะสากเป็นเกาะเล็กๆ รูปเกือกม้าอยู่ทางเหนือของเกาะล้าน  ห่างกันเพียง 600 เมตร  มีหาดทรายขาวสวยยาวประมาณ 250 เมตร  อยู่ด้านเหนือของเกาะ  สงบเงียบเป็นส่วนตัวมาก  ต้องเหมาเรือจากเกาะล้านไป  หรือเหมาจากพัทยาราคาเท่ากับไปเกาะล้าน  มีบ้านพักเปิดบริการ  แต่ต้องโทร. จองล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์  นอกจากนี้ยังควรเตรียมอาหารสดและเครื่องปรุงไปด้วย  ส่วนเครื่องครัวที่บ้านพักมีให้สำหรับที่เกาะครกนั้นมีหาดทรายเล็กๆ  ไม่เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ  แต่นักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำดูปะการัง  ซึ่งอาจไม่คุ้มกับค่าเหมาเรือไป

ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปราว  7.5 กิโลเมตร 
การเดินทาง : นั่งเรือโดยสารประมาณ 45 นาที  แต่ถ้าเป็นเรือเร็วใช้เวลาเพียง 15 นาที  มีเรือโดยสารออกจากท่าพัทยาใต้ไปเกาะล้านทุกวัน  เที่ยวไป  ตั้งแต่เวลา 10.00-18.30 น.  เที่ยวกลับ มี 2 รอบ  เวลา 12.00 น. และ 14.00 น.  อัตราค่าโดยสาร  คนละ 20 บาท  ที่เกาะล้านเรือจอดบริเวณท่าหน้าบ้าน  หากเดินทางต่อไปชายหาดอื่น  สามารถเช่าเรือหางยาวหรือรถรับจ้าง  นอกจากนี้ยังมีบริการเรือเร็วให้เช่าอยู่ทั่วไปตามชายหาดพัทยา  อัตราค่าเช่าประมาณ 1,500-2,000 บาท  สามารถแวะเที่ยวได้หลายหาด  แล้วแต่จะตกลงกัน
เวลาทำการ : ท่องเที่ยวตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


12. เขาชีจรรย์

 เขาชีจรรย์  เป็นเขาหินปูน เดิมมีการระเบิดหินนำไปใช้ในการก่อสร้าง  ต่อมาสมเด็จพระญาณสังวร  ทรงเสียดายลักษณะภูมิทัศน์อันสง่างามของเขาลูกนี้  จึงมีพระดำริที่จะอนุรักษ์ไว้  และได้ดำเนินการสร้างพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะของพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในวโรกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี  ใน พ.ศ.  2539  โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า  “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา”  แปลว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐดุงดังมหาวชิระ”
พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย  เลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร  ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา  มีความสูง 109 เมตร  หน้าตักกว้าง 70 เมตร  ฐานบัวหรือบัลลังก์สูง 21 เมตร  รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น 130 เมตร  โดยเป็นการระเบิดเจาะเนื้อหินให้เป็นลายเส้น  แล้วใช้โมเสกทองประดับเข้าไปตามรอยเส้น  เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาต้องหน้าผา  จึงเกิดประกายสีทองราวกับองค์พระกำลังเปล่งประกาย  ด้านหน้าองค์พระมีลานอเนกประสงค์  สวนร่มรื่น  สระบัว  และสวนหิน  ในเนื้อที่ 15 ไร่

ที่ตั้ง : บ้านเขาชีจรรย์   อำเภอสัตหีบ  ห่างจากวัดญาณสังวราราม  ไปประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : จากวัดญาณสังวราราม  ไปตามทางเดียวกับวิหารเซียน  ผ่านวิหารเซียนไปตามเส้นทางหลัก  และมีป้ายบอกทางไปอีก 3 กิโลเมตร  หรือจากถนนสุขุมวิท  เข้าทางแยกที่เลยแยกวัดญาณสังวรารามไปราว 500 เมตร  เส้นทางจะตรงถึงเขาชีจรรย์  ระยะทางจากถนนสุขุมวิท  6 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 06.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


13. ฐานทัพเรือสัตหีบ

ฐานทัพเรือสัตหีบ  เป็นบ้านของราชนาวีที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอ่าวไทย  ถือกำเนิดขึ้นจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  เมื่อ พ.ศ. 2457  ครั้งประพาสเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออก  ได้ทอดพระเนตรเห็นว่าชายฝั่งบริเวณนี้มีชัยภูมิดีเยี่ยม  สามารถสร้างฐานจอดเรือรบได้   จวบจนปัจจุบันฐานทัพเรือสัตหีบได้พัฒนา  และเปิดพื้นที่บางส่วนให้ประชาชนได้เข้ามาท่องเที่ยว  เช่น

หาดดงตาล  เป็นชายหาดโค้งยาวไปตามขอบอ่าวสัตหีบ  โดยเริ่มตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอสัตหีบเข้าไปในกองเรือยุทธการ  ริมชายหาดเรียงรายไปด้วยต้นตาลขนาดใหญ่  ประชาชนทั่วไปนิยมมานั่งพักผ่อน  ชมอาทิตย์อันดง  และรับประทานอาหาร  นอกจากนี้เวิ้งทะเลด้านหน้าหาดยังเหมาะสำหรับการเล่นเรือใบและวินด์เซิร์ฟ  โดยผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สมุทรกีฬา  โทร. 0-3843-2593

ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  เป็นท่าเรือน้ำลึกซึ่งกองทัพเรือใช้เป็นที่จอดเรือรบสำคัญๆ หลายลำ  ไม่ว่าจะเป็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร  เรือหลวงสิมิลัน  และเรือหลวงพระพุทธยอดฟ้า  นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมและถ่ายภาพได้เฉพาะพื้นที่ที่กำหนด    คือ  บริเวณท่าเรือ     รวมถึงดาดฟ้าของเรือหลวงจักรีนฤเบศร   แต่อย่างไรก็ตาม  บางช่วงเวลาเรือเหล่านี้จะออกปฏิบัติหน้าที่  จึงควรสอบถามไปล่วงหน้าก่อน

หาดนางรำ-หาดนางรอง  อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  โดยแยกจากทางหลวงหมายเลข 3 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3126 ไปประมาณ 5 กิโลเมตร  ถ้าตรงเข้าไปจนสุดก็จะถึงท่าเทียบเรือจุกเสม็ด  แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายไปอีกเพียงเล็กน้อยก็จะถึงหาดนางรำ-หาดนางรอง  โดยหาดนางรำมีความยาวประมาณ 500 เมตร  เนื้อทรายขาวละเอียดเนียน  ริมหาดมีป่าสนร่มรื่น  พร้อมร้านอาหารและบ้านพัก  หน้าหาดไม่ลึกจึงเหมาะลงเล่นน้ำหรือเล่นเรือใบ  ส่วนหาดนางรองอยู่ติดกัน  เป็นแนวหาดสั้นๆที่เงียบสงบกว่า  ริมหาดมีโขดหิน  ทรายขาว  และน้ำใสดี

เขาแหลมปู่เจ้า  ตั้งอยู่บริเวณใต้สุดของโค้งอ่าวเตยงาม  สามารถขับรถขึ้นไปได้  เพื่อสักการะศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503  ใกล้ๆกันมีกระโจมไฟชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ลักษณะเป็นประภาคารรูปครีบกระโดงปลา  สูง 19.50 เมตร  ใช้ส่องสว่างให้เป็นจุดสังเกตแก่คนเรือในยามค่ำคืน  โดยทหารเรือต่างขนานนามให้ว่า “ดวงประทีปแห่งท้องทะเลไทย”  นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวเขาแหลมปู่เจ้า  ที่สามารถมองเห็นอ่าวสัตหีบ  อ่าวเตยงาม  เกาะพระ  เกาะเตาหม้อ  รวมถึงอ่าวไทยได้อย่างงดงาม

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล  ตั้งอยู่ริมหาดจุกเสม็ด  ในเขตหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นศูนย์เพาะเลี้ยงและอนุบาลลูกเต่าทะเลที่ได้จากเกาะคราม  โดยนำมาอนุบาลไว้ 3-6 เดือน  แล้วจึงปล่อยคืนสู่ทะเล  ศูนย์ฯนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน  คือ  อาคารนิทรรศการ  อะควาเรียม  และบ่ออนุบาลลูกเต่าทะเล  เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ทุกวัน  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

อ่าวเตยงาม  (อ่าวนาวิกโยธิน)  เดิมชื่ออ่าวตากัน  หรืออ่าวทุ่งไก่เตี้ย  เป็นหาดทรายขาวละเอียดเนื้อเนียนตัดกับท้องทะเลสีคราม  ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร  ในอดีตริมหาดเต็มไปด้วยต้นเตยทะเล  ซึ่งยังพอพบเห็นได้ในปัจจุบัน  อ่าวเตยงามนี้ไม่ลาดเอียงมาก  น้ำไม่ลึก จึงเหมาะจะลงเล่นน้ำ  ชาวจีนเชื่อว่าอ่าวเตยงามคือ “สะดือมังกร” เพราะน้ำในอ่าวจะไหลเวียนจากแหลมปู่เจ้าเข้าสู่อ่าว  นับเป็นจุดก่อเกิดพลังธรรมชาติ  นอกจากนี้ที่นี่ยังมีอนุสรณ์สถาน  ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเรือใบข้าวอ่าวไทยจากอำเภอหัวหิน  มาถึงอ่าวเตยงาม  เมื่อวันที่ 19 เมษายน  พ.ศ. 2509  เป็นระยะทางกว่า 60 ไมล์ทะเล  เพียงลำพังพระองค์เดียว

พิพิธภัณฑ์นาวิกโยธิน  ตั้งอยู่ที่อ่าวเตยงาม  เป็นอาคารชั้นเดียวใช้จัดแสดงประวัติความเป็นมาของราชนาวีไทย  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น.  และ 13.00-16.00 น.  โดยไม่เสียค่าเข้าชม 
ภายในอาคารแบ่งเป็น 6 ห้องจัดแสดง และมีส่วนกลางแจ้งด้วย

หาดทรายแก้ว  ตั้งอยู่ภายในเขตโรงเรียนชุมพลทหารเรือ  เป็นหาดทรายที่สวยที่สุดช่วงหนึ่งของสัตหีบ  เพรามีเนื้อทรายขวาวสะอาดเนื้อเนียนทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร  อีกทั้งน้ำทะเลมีสีครามสดใส  ริมหาดมีบ้านพัก  ร้านอาหาร  นวดแผนไทย  และกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย

ที่ตั้ง : เขตอำเภอสัตหีบ
การเดินทาง : จากอำเภอเมืองชลบุรี  ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ประมาณ 86 กิโลเมตร  จนถึงตัวอำเภอสัตหีบ  จากนั้นวิ่งเข้าถนนเส้นเลียบหาด  จนเข้าสู่เขตทหารเรือ
เวลาทำการ : ถ้าเป็นอาคารจัดแสดงหรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ส่วนใหญ่เปิดเวลา 08.00-16.30 น.  แต่ถ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวพวกหาดทรายชายทะเล  ก็มักเปิดให้ท่องเที่ยวตลอดเวลา  แต่ต้องแลกบัตรผ่านที่ป้อมยามก่อน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่อำเภอสัตหีบ  แผนกกิจการพลเรือน  กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ  โทร. 0-3843-7112 ต่อ 71060, 71061  หรือติดต่อที่กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ  กรุงเทพฯ 
โทร. 0-2375-4720, 0-2475-4481 
เว็บไซต์  http://www.navy.mi.th/


14. วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร

 วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อถวายสมเด็จพระญาณสังวรฯ  สมเด็จพระสังฆราช  และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภก  บริเวณทางเข้าวัดมีศาลานานาชาติ  ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติของประเทศต่างๆ  ตั้งอยู่เรียงรายริมสระน้ำ  ภายในบริเวณวัดมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง  พระเจดีย์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสุมพุทธเจ้า  และพระธาตุของพระอรหันต์สาวก  วิหารพระญาณเรศร์  วิหารพระศรีอริยเมตไตรย  พระพุทธไพรีพินาศ  ฯลฯ  และด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูง  จึงสามารถมองออกไปเห็นทัศนียภาพของเขตวัดจรดเมืองพัทยาได้กว้างไกลสุดสายตา

ที่ตั้ง : อยู่ริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ  อำเภอสัตหีบ  ห่างจากหาดจอมเทียนประมาณ 15 กิโลเมตร
การเดินทาง : จากหาดจอมเทียนหรือพัทยาไปตามถนนสุขุมวิท  มุ่งหน้าอำเภอสัตหีบ  ผ่านชุมชนบ้านอำเภอไปเล็กน้อย  สังเกตหลัก กม. 160 เลยไปอีกราว 500 เมตร  เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทางไปวัดญาณฯ อีก 5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : ประมาณ 06.00-18.00 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : โทร. 0-3823-7506


15. สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  มหาวิทยาลัยบูรพา

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  มหาวิทยาลับูรพา  เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงมานานหลายสิบปีแล้ว  โดยเฉพาะมีตู้กระจกขนาดใหญ่ที่เรียกว่าอะควาเรียม  เลี้ยงปลาทะเลและสิ่งมีชีวิตหลากชนิดหลากสีไว้ให้ชม    สถาบันแห่งนี้มีเนื้อที่ราว 30 ไร่  ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ  พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล   สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มไว้จัดแสดง  และห้องปฏิบัติการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล  (ส่วนนี้ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม)

อะควาเรียมหรือตู้กระจกแสดงสัตว์น้ำของที่นี่อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร  โดยมีเส้นทางเป็นวงรอบไม่ย้อนกลับทางเดิมจัดไว้ให้ชม  ปัจจุบันมีตู้กระจกอยู่มากถึง 43 ตู้  ตั้งแต่ตู้ขนาดเล็กบรรจุน้ำ 500 ลิตร 
ไปถึงขนาดมหึมาบรรจุน้ำ 2 แสนลิตร  โดยจัดแสดงเริ่มตั้งแต่สัตว์ชายฝั่งทะเล  ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง  และเขตทะเลลึก  อาทิ  เต่าทะเล  ฉลาม  ปลาการ์ตูน  ดอกไม้ทะเล  ปลานกแก้ว  ปลาผีเสื้อ  ปลากะรัง  ปลาข้างเหลือง  ม้าน้ำ  ปลาสิงโต  ปลาปักเป้า  ปลาไหลทะเล  กุ้งพยาบาล  ปูชนิดต่างๆ 
ปลาดาว  กระเบน  หอยเม่น  ฯลฯ  นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการมาเป็นครอบครัว  เพื่อร่วมกันเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ

ปัจจุบันด้านหลังสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  กำลังมีการจัดสร้างอาคาร “โครงการโลกใต้ทะเล”  โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด  คาดว่าจะเปิดให้เข้าชมได้ในปลายปี พ.ศ. 2522 นี้  และน่าจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศของโลกใต้ทะเลที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทยในอนาคต

ที่ตั้ง : เลขที่  169  ถนนลงหาดบางแสน  ตำบลแสนสุข  อำเภอเมืองชลบุรี  ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าของมหาวิทยาลัยบูรพา  ก่อนถึงหาดบางแสน 1 กิโลเมตร  และห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 12 กิโลเมตร
การเดินทาง : ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว  สามารถขึ้นรถประจำทางสายชลบุรี-บางแสน-หนองมน  จากนั้นลงต่อรถสองแถวเข้าหาดบางแสน  แล้วลงที่ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยบูรพา
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน  ตั้งแต่เวลา  08.30-16.00 น. ปิดเพียงวันเดียวคือวันจันทร์  ส่วนวันหยุดราชการเปิดถึง 17.00 น.  สาธิตดำน้ำให้อาหารปลามีรอบเวลา 14.30 น.  วันหยุดเพิ่มรอบ 10.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 20 บาท  เด็ก  10 บาท  นักเรียนและนักศึกษาในเครื่องแบบ
5 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3839-1671-3 
เว็บไซต์  http://www.bims.buu.ac.th/


16. สวนผีเสื้อสายทิพย์

 สวนผีเสื้อสายทิพย์  เป็นสวนผีเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย   ภายในมีส่วนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตผีเสื้ออันซับซ้อน  ชนิดของผีเสื้อ  ถ้ำรังนก  มีฟาร์มผีเสื้อท่ามกลางสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกไว้งดงาม โดยมีผีเสื้อหลายพันธุ์ที่เพาะเลี้ยงไว้นับพันตัว โดดเด่นคือ ผีเสื้อเอ็ดเวิร์ด หรือผีเสื้อหนอนกระท้อน  (Atlas Moth) ซึ่งเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  และมีลวดลายบนปีกสวยงามแปลกตามาก    นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ผึ้ง  สวนกล้วยไม้  และร้านขายของที่ระลึกด้วย

สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมของสวนผีเสื่อสายทิพย์  คือ  กรงผีเสื้อขนาดใหญ่  ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินชมดอกไม้และเพลิดเพลินกับลีลาอันพลิ้วไหวของบรรดาผีเสื้อที่โบยบินอยู่รอบตัว  เราจะได้เห็นไข่ของผีเสื้อ  หนอนตัวอ่อน  ดักแด้  และผีเสื้อเกิดใหม่หลากหลายสายพันธุ์  ทั้งผีเสื้อหนอนใบรัก  ผีเสื้อหางตุ้มจุดชมพู  ผีเสื้อสะพายฟ้า  ผีเสื้อร่อนลม  ผีเสื้อเณร  และอื่นๆอีกมากมาย  นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ  ซึ่งผู้เข้าชมสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่  เพื่อซึมซับความมหัศจรรย์ของผีเสื้อ 
 
ที่ตั้ง : อยู่บริเวณ กม. 10 ของทางหลวงหมายเลข 36  ในอำเภอศรีราชา
การเดินทาง : หากมาจากถนนสุขุมวิท แยกซ้ายบริเวณตลาดบางพระ ตามทางที่จะไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียว
เวลาทำการ : 08.30-17.30 น.  ทุกวัน
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่  30 บาท เด็ก 15 บาท  ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3829-8330


17. เมืองจำลองสยาม

เมืองจำลองสยาม  (Mini  Siam) เริ่มต้นโครงการด้วยการค้นคว้าข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2529  ปัจจุบันเป็นสถานที่จำลองปูชนียสถานและโบราณสถานที่สำคัญของทั้งไทยและต่างประเทศ  ด้วยอัตราส่วนย่อ  1 ต่อ 25  โดยแบ่งเป็นเมืองจำลองสยาม  และเมืองจำลองยุโรป  ภายในพื้นที่ขนาด 29 ไร่  เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  วัดมหาธาตุสุโขทัย  อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา  อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  สะพานข้ามแม่น้ำแคว  สะพานพระราม 9  ปราสาทหินพิมาย  วัดอรุณราชวราราม  สะพานทาวเวอร์บริดจ์  ดิโอเปร่าเฮาส์  หอไอเฟล  หอเอนปิซ่า  และเทพีเสรีภาพ  เป็นต้น  มาเที่ยวที่นี่เพียงแห่งเดียว  จึงเหมือนกับได้เดินทางทั่วไทยและทั่วโลกภายในวันเดียว

ที่ตั้ง : ริมถนนสุขุมวิท  หลัก กม. 143  อำเภอบางละมุง  ถ้ามาจากเมืองชลบุรีจะอยู่ช่วงก่อนถึงแยกเลี้ยวเข้าพัทยาเหนือ
การเดินทาง : สามารถมาถึงได้โดยสะดวก  ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถประจำทางสายชลบุรี-พัทยา  เนื่องจากตั้งอยู่ริมถนนใหญ่  เมื่อลงรถแล้วก็สามารถเข้าไปซื้อบัตร  แล้วเข้าสู่ส่วนจัดแสดงได้เลย
เวลาทำการ : 07.00-22.00 น.  ทุกวัน  โดยในยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟประดับอย่างสวยงาม
ค่าเข้าชม : คนไทย  ผู้ใหญ่ 100 บาท  เด็ก 50 บาท  ชาวต่างชาติ  ผู้ใหญ่ 250 บาท  เด็ก 120 บาท 
ติดต่อ : โทร. 0-3872-7333, 0-3872-7666 
โทรสาร  0-3842-1555
เว็บไซต์  http://www.minisiam.com/


18. วิหารเซียน

วิหารเซียน (อเนกกุศลศาลา) เป็นแหล่งรวมงานศิลปะไทย-จีนชั้นสูงที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย  อาคารใหญ่มีรูปทรงเป็นวิหารแบบจีนสูงสามชั้น มีกลุ่มศาลาเก๋งเป็นบริวารโดยรอบ การจัดวางตำแหน่งของสิ่งปลูกสร้างมีทิศทางถูกต้องตามหลักวิชาภูมิลักษณ์หรือฮวงจุ้ย ส่วนการประดับตกแต่งภายในอาคารเป็นไปตามคตินิยมและความเชื่อทางเทววิทยาของชาวจีน  จึงเป็นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างสูง

วิหารเซียนมีชื่อภาษาจีนว่า “ต้า ผู่ อี่”  เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2531 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวาระที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ก่อสร้างวิหารเซียนขึ้นในบริเวณโครงการพัฒนาพื้นที่วัดญาณสังวราราม  อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ใช้พื้นที่ประมาณ 7 ไร่  การดำเนินงานในครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานฤกษ์ในการก่อสร้าง และพระราชทานนามอาคารว่า “อเนกกุศลศาลา”  การก่อสร้างใช้เวลา 4 ปี 6 เดือน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2536  มีสถานที่สำคัญ  เช่น  หอเซียนหรือหอกลางเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อปิดทองของลื้อท่งปิง    พิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะจีนและวัตถุโบราณล้ำค่า   รวมถึงรูปสลักหินแกรนิตขนาดใหญ่จากจีนหลายสิบชิ้น  เป็นต้น

ที่ตั้ง : อยู่ใกล้วัดญาณสังวราราม  ริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ  ห่างจากวัดญาณฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : ใช้เส้นทางเดียวกับที่ไปวัดญาณสังวราราม  มีทางแยกขวาริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ  ช่วงก่อนถึงวัดญาณฯ ประมาณ 500 เมตร  เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทางจะเห็นอาคารทรงจีนโดดเด่นอยู่ริมฝั่งตรงข้าม
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น.  ทุกวัน 
ค่าเข้าชม : คนละ 50 บาท


19. เขาพัทยา

เขาพัทยา  หรือเขาทัพยา   หรือเขาทัพพระยา  มีจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเมืองพัทยาได้ทั้งหมด  อยู่ในเขตของสถานีวิทยุโทรทัศน์  สทร. 5  พัทยา  เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึก  มีนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมวิวกันเป็นจำนวนมาก  โดยจุดสำคัญของเขาพัทยามี 2 แห่งด้วยกัน  คือ

ยอดเขาพัทยา  มีลานชมวิวกว้างและม้านั่งโดยรอบ  พร้อมกล้องส่องทางไกลแบบหยอดเหรียญ  จากจุดนี้สามารถเห็นเมืองพัทยาได้อย่างกว้างไกล   ทั้งตึกสูง  บ้านเรือนหนาแน่น  เรือท่องเที่ยวที่จอดลอยลำอยู่ในอ่าวพัทยา  รวมทั้งเห็นเกาะล้าน บรรยากาศชวนเพลิดเพลิน  ลมเย็นสบาย  ในช่วงค่ำจะเห็นแสงไฟของเมืองพัทยาสว่างไสว

อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับลานชมวิว  เป็นประติมากรรมรูปหล่อเหมือนจริง  สีดำสนิท  ในเครื่องแบบทหารเรือเต็มยศพลเรือเอก  มีผู้คนมากราบไหว้ตลอดทั้งวัน

ที่ตั้ง : ยอดเขาพัทยา  พัทยาใต้  ห่างจากย่านเมืองพัทยา 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : ไปตามถนนพัทยาสาย 2  มุ่งหน้าทิศใต้ผ่านแยกไปหาดจอมเทียน  จากนั้นตรงต่อไปขึ้นเขาชันผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติ  จนถึงสามแยกบนเขาที่มีป้อมตำรวจ  เลี้ยวขวาจะพบกับทางขึ้นเขาพัทยาอยู่ด้านขวา  มีถนนไปจนถึงยอดเขา  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุ  สทร. 5  จอดรถไว้ได้ทั้งในและนอกสถานี
เวลาทำการ : เปิดให้ท่องเที่ยวตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


20. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลน  เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  จังหวัดชลบุรี 

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ  มีเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ จัดเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ที่สุดผืนสุดท้ายของจังหวัดชลบุรีที่หลงเหลืออยู่  โดยทางสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรีได้จัดสร้างศูนย์ฯ นี้ขึ้น  เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าให้คงอยู่  พร้อมให้ความรู้ประชาชนควบคู่กันไปด้วย  มีการจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ยาว 2,300 เมตร ซึ่งจัดเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย  และมีสวนสุขภาพบริเวณด้านหน้าของศูนย์ฯ  เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มาออกกำลังกาย

นอกจากผู้เข้าชมจะได้พบเห็นดงต้นโกงกางที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น  และช่วยกำบังคลื่นลมทะเลได้เป็นอย่างดีแล้ว  เรือนรากโกงกางเหล่านี้ยังกลายเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ  อีกทั้งช่วยดักให้สารอินทรีย์ในน้ำตกตะกอนได้อีกด้วย  ถ้าสังเกตให้ดีจะพบหอย  ลูกปลา  ปลาตีน  ปูก้ามดาบ  กุ้ง  นกกินเปี้ยว  รวมถึงปูพันธุ์ใหม่ชื่อ “หยกฟ้า”  และมีนกยางบินวนเวียนมาดักซุ่มจับปลากินเป็นอาหารด้วย

ที่ตั้ง : หมู่ 3 ตำบลเสม็ด  อำเภอเมืองชลบุรี  ถนนเลียบป่าชายเลน
การเดินทาง : จากถนนสุขุมวิท  เลี้ยวขวาที่แยกคีรี  จนถึงถนนเลียบป่าชายเลนแล้วเลี้ยวซ้าย  ศูนย์ฯ อยู่ตรงข้ามกับสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรี
เวลาทำการ : 08.30-18.30 น.  ทุกวัน  ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 10 บาท  เด็ก 5 บาท  ถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป  ผู้ใหญ่ราคา 5 บาท  เด็กราคา 3 บาท  ถ้าต้องการวิทยากรนำชมเพื่อให้ความรู้  คิดค่าวิทยากรชั่วโมงละ 100 บาท
ติดต่อ : โทร. 0-3839-8268-9 (ในวันและเวลาราชการ), 08-1713-9683 
โทรสาร  0-3839-8298